ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์
โจทก์ให้การว่า ทรัพย์ดังกล่าวเป็นของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ชั้นไต่สวนผู้ร้องขอเลื่อนคดีหลายครั้ง และในวันที่ 18 กรกฎาคม 2529 ก็ขอเลื่อนอีก ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการประวิงคดีไม่อนุญาตให้เลื่อนและให้ผู้ร้องสืบพยาน แต่ผู้ร้องยังคงขอเลื่อนศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 7 สิงหาคม 2529 ต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2529ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ให้ยกอุทธรณ์คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ร้อง ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 'ที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่า อุทธรณ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ที่ขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นโดยให้มีการพิจารณาคดีใหม่ มิได้เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นผลให้คดีสิ้นสุดลง กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งว่าผู้ร้องขัดทรัพย์ขาดนัดพิจารณา ผู้ร้องขัดทรัพย์จึงขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้และการที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษาคดี เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 (1) ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น'
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.