ข้อเท็จจริงได้ความว่า  เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐  จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่นายกุ้นจิ้นต่อมา  พ.ศ.๒๔๘๑  จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงนั้นให้แก่โจทก์  โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดิน  ถ้าไม่สามารถโอนได้ก็ขอให้บังคับจำเลยส่งผลกำไร  ๑,๖๐๐ บาทในฐานผิดสัญญา  ในระหว่างพิจารณาคดีนี้นายกุ้นจิ้นได้ยื่นฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินให้แก่นายกุ้นจิ้น  ศาลชั้นต้นจึงให้งดรอการพิพากษาคดีนี้ไว้  และในคดีที่นายกุ้นจิ้นฟ้องนั้น  ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้แก่นายกุ้นจิ้น  แล้วศาลพิพากษาคดีนี้ว่า   ศาลพิพากษาให้โอนที่ดินให้แก่นายกุ้นจิ้นแล้ว  จะบังคับให้จำเลยโอนที่ดินในคดีนี้ไม่ได้  จึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย  ๑,๖๐๐ บาท.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  แม้ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง  ม.๑๗   บัญญัติให้ศาลดำเนินการไปตามลำดับเลขหมายในสำนวนก็จริง  แต่ตอนท้ายยอมให้ศาลกำหนดเป็นอย่างอื่นเมื่อมีเหตุพิเศษ  คดีนี้ปรากฏแก่ศาลว่า  มีคดีฟ้องจำเลยขอให้โอนที่รายเดียวกันซึ่งจำเลยทำสัญญาไว้ก่อนคดีนี้  ฉะนั้นที่ศาลล่างงดรอคดีและพิพากษามานั้นชอบแล้ว  จึงพิพากษายืน.