โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่ยังจับไม่ได้สมคบกันลักธนบัตรรวมราคา ๑,๕๐๐ บาท ของนายโม่เบ้ง แต่หากมีเหตุอันพ้นวิสัยของจำเลยมาขัดขวาง จึงทำการลักไม่สำเร็จ เหตุเกิดบนรถยนต์โดยสารตำบลสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร และจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ๒ ครั้ง ซึ่งมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือฐานละหุโทษ พ้นโทษมายังไม่เกิน ๕ ปี กลับมากระทำผิดครั้งนี้อีกเป็นเหตุร้ายขึ้นอีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม. อาญา ม. ๒๙๓,๖๐,๖๓,๗๒ และ พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๘,๙
จำเลยปฏิเสธ คงรับข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๒ ปี ตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๙๓,๖๐ เพิ่มตาม ม. ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็น ๒ ปี ๘ เดือน และจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเมื่อพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกันตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๘,๙ มีกำหนด ๓ ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาศาลสั่งรับเฉพาะในข้อว่าคดีนี้จำเลยผิดเพียงฐานพยายามลักทรัพย์ตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๙๓ ,๖๐ จะถือว่าเป็นเหตุร้ายตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผุ้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๔ หรือไม่เท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำผิดตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๙๓ นั้นไม่ว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือเพียงแต่พยายามกระทำผิดก็นับว่าเป็น"เหตุร้าย" ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๔ แล้วทั้งนั้น
พิพากษายืน