ข้อเท็จจริงได้ความว่า  เดิมฟ้องโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามโฉนดที่ ๗๘๘๒  แต่ปรากฏว่าที่พิพาทอยู่นอกเขตต์โฉนดที่โจทก์อ้าง  ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง  คดีถึงที่สุด  โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ของให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทนั้นอีก  โดยอ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์โดยทางปกครอง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  คดีก่อนกับคดีนี้คู่ความคู่เดียวกัน  มูลความอันเป็นเหตุที่ฟ้องก็เป็นเรื่องขอให้ขับไล่ออกจากที่ดินแห่งเดียวกันซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดไปแล้ว  เป็นการต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง  ม.๑๔๘   จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อวินิจฉัยในประเด็นพิพาทเป็นคนละเหตุกับคดีก่อนและคำพิพากษาคดีก่อนไม่ได้ชี้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใดจึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำ  จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น  ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา  ศาลฎีกาเห็นว่าคดีของโจทก์ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ  คดีที่เป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง  ม.๑๔๘  นั้นจะต้องเป็นเรื่องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน  ทั้งในคดีก่อนศาลมิได้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใด  จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์