โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยที่ ๑  เป็นลูกจ้างขับรถยนต์ประจำทางของจำเลยที่ ๒  ผู้เป็นนายจ้าง  ได้ขับรถยนต์ตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒  ตามทางการที่จ้าง  ได้ขับรถดังกล่าวด้วยความประมาท  ชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส  ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑  ขาดนัด
จำเลยที่ ๒  ต่อสู้ว่า  จำเลยที่ ๑ จะเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ หรือไม่  ไม่รับรอง  แม้จำเลยที่ ๑ ขับรถชนโจทก์จริง  ก็ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒  เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่นอกเส้นทางสัมปทานและนอกทางการที่จ้าง  จำเลยที่ ๒  จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย  ค่าเสียหายที่เรียกร้องก็สูงไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๗๒,๐๐๐ บาท  พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า  จำเลยที่ ๑ ขับรถไปชนโจทก์นอกเส้นทางในทางการที่จ้าง  จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิด  และศาลกำหนดค่าเสียหายสูงเกินไป
ศาลฎีกาเห็นว่า  การที่จำเลยที่ ๒  นำสืบว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถออกจากอู่เก็บรถของจำเลยที่ ๒ ที่ช่องนนทรี  เข้าตรอกจันทร์  ไปออกถนนเจริญกรุง  เพื่อไปยังจุดต้นทางถนนสี่พระยา  (และได้ชนโจทก์ในถนนเจริญกรุงก่อนถึงถนนสี่พระยา)  เป็นการขับรถไปนอกเส้นทาง  ปฏิบัติผิดคำสั่งของจำเลยที่ ๒  ผู้เป็นนายจ้างที่ว่าเมื่อรถออกจากอู่ต้องวิ่งมาตามถนนสวนพลูออกถนนสาธรเลี้ยวซ้ายตามถนนพระราม ๔  ถึงสามย่านแล้วเลี้ยวเข้าถนนสี่พระยาไปจุดต้นทางนั้น  คำสั่งของจำเลยที่ ๒ จะมีอย่างไร  ก็เป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ ๒ กับคนของจำเลยผู้กระทำผิดเท่านั้น  แต่การที่จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถเพื่อไปยังจุดต้นทางตามหน้าที่นั้น  ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างของนายจ้าง  เมื่อจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์ดังนี้ จำเลยที่ ๒  ต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย
โจทก์มีรายได้เดือนละ ๖๐๐ บาท  เมื่อโจทก์ถูกตัดขาแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ  ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในอนาคต ๑๐ ปี เป็นเงิน ๗๒,๐๐๐ บาทนั้น   เป็นการสมควรแล้ว  แต่ค่าสินไหมทดแทนจำนวนนี้เป็นหนี้ค่าเสียหายในอนาคตมีกำหนดจำนวนแน่นอน  ซึ่งโจทก์สามารถบังคับได้ในวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา  จึงควรคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ  คือนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา  ไม่ใช่นับแต่วันฟ้อง  ดังคำพิพากษาศาลล่าง
พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย  โดยให้จำเลยร่วมกันเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีของเงิน ๗๒,๐๐๐ บาท  นับแต่วันศาลชั้นต้นพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ