โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และสินจ้าง  โดยรับฉีดยาบำบัดโรคต่าง ๆ แก่ผู้เจ็บป่วยโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับอนุญาตตามกฎหมาย  เจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยยาต่าง ๆ   น้ำกลั่น  เข็มฉีดยา  ฯลฯ  ซึ่งจำเลยมีไว้และใช้ในการกระทำผิดขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ  พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๑๑, ๒๑ (ฉบับที่ ๕)  พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒
จำเลยให้การรับสารภาพและกล่าวในคำให้การด้วยว่า  จำเลยเองก็ไม่มีความรู้ทางหมอแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย  ตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะตามที่โจทก์อ้าง  ให้จำคุกและปรับ  แต่โทษจำให้รอไว้  ส่วนของกลางให้คืนให้จำเลย  เพราะไม่ใช่เป็นของที่มีไว้เป็นความผิด
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  ความผิดของจำเลยอยู่ที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด  พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ตามคำให้การจำเลยปรากฎว่าจำเลยไม่มีความรู้ทางหมอแต่อย่างใด  เป็นคนธรรมดาไม่มีสิทธิจะขออนุญาตเพื่อประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายได้  ฉะนั้น  การกระทำของจำเลยจึงถือได้วาเป็นความผิดอยู่ในตัว  มิใช่จำเลยมีสิทธิจะขออนุญาตแต่ไม่ได้ขอ  ซึ่งเป็นเพียงความผิดเพราะการที่ไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น  เมื่อจำเลยมีของกลางไว้ใช้ในการกระทำผิด  จึงเป็นของควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓  พิพากษาแก้  ให้ริบของกลางนี้เสียด้วย