โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีปืนไม่ได้รับอนุญาตและใช้ปืนนั้นยิงผู้ร้ายซึ่งมาลักแตงในไร่ของจำเลย  คนร้านนั้นหนีไป  ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อหาฐานมีปืนไม่ได้รับอนุญาตนั้นจำเลยรับฟังได้  แต่ข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ปรากฏตัวผู้เสียหาย  ไม่ทรายว่าบาดเจ็บมากน้อยเพียงไร  แม้จะสืบได้ความตามฟ้องก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้  จึงสั่งงดสืบพะยานในข้อนี้  แล้วลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนปรับ ๒๕ บาท
โจทก์อุทธรณ์   ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์มีรายการครบถ้วนแล้ว เพียงไม่ระบุว่าใครเป็นคนร้ายที่ถูกยิงยังไม่เคลือบคลุม  ส่วนเรื่องบาดเจ็บไม่สำคัญเพราะถึงจะยิงไม่ถูกก็ยังอาจเป็นพยายามฆ่าได้  ข้อเท็จจริงเถียงกันแต่ว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เท่านั้น จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้จัดการสืบพะยานโจทก์จำเลยตามฟ้องต่อไป
จำเลยฎีกา  ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์กล่าวว่าไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของจำเลย  ในรายการพิจารณาของศาลชั้นสอบถามต่อมาก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์แสดงได้ว่าคนร้ายเป็นใคร  และเพราะเหตุไรจึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลตามสมควรดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๕๘ (๕)แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีนี้กล่าวหาเป็นความฉกรรจ์อันจำเลยจะต้องถูกจำคุกได้กว่า ๑๐ ปี  โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบให้ได้ความสมจริงตามข้อหาที่กล่าวเพราะฉะนั้นเมื่อขาดรายละเอียดนี้เสียแล้วเห็นว่าจะเรียกฟ้องมีรายละเอียดสมบูรณ์ตามความต้องการของกฏหมายแล้วยังไม่ได้จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น