โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4, 43, 157
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4, 43, (ที่ถูก มาตรา 43 (4)), 15 (ที่ถูก มาตรา 157) เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า การขับรถในขณะเมาสุราและการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราและศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว สิทธินำคดีอาญาในความผิดตามฟ้องคดีนี้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ความผิดของจำเลยฐานขับรถในขณะเมาสุราและฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่เมื่อจำเลยได้ดื่มสุราแล้วลงมือขับรถไป แม้จะไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก็เป็นความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราแล้ว ส่วนความผิดฐานขับรถโดยประมาทนั้นเป็นเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ได้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ความผิดแรกได้สำเร็จแล้ว และการขับรถโดยประมาทของจำเลยเป็นความผิดที่เกิดจากการไม่ใช้ความระมัดระวังในการขับรถเท่านั้น ซึ่งการขับรถโดยไม่ใช้ความระมัดระวังแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น อาจจะไม่ได้เกิดจากการเมาสุราก็ได้ เห็นว่า การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ กับการที่จำเลยซึ่งมีอาการมึนเมาสุราขับรถในลักษณะส่ายไปมาบนท้องถนนและขับล้ำเข้าไปในช่องเดินรถที่แล่นสวนมาเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่มีผู้เสียหายที่ 1 ขับ และมีผู้เสียหายที่ 2 นั่งไปด้วยได้รับความเสียหาย และผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่หลายกรรมต่างกันไม่ เมื่อคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราแล้ว สิทธิที่โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยในการกระทำเดียวกันนั้นเป็นคดีนี้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.