โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 283 ทวิ, 319
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก, 319 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 2 ปี ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการรับสารภาพที่ไม่มีความผิด และถือไม่ได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลล่างทั้งสองประทับฟ้องและลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ และถือว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ ก็ยังมิได้มีการสอบสวนด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเช่นกันนั้น เห็นว่า แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ต่อมาวันที่ 13 เมษายน 2554 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยและทำการสอบสวนแล้ว ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากวันที่จำเลยกระทำผิด 1 ปี ก็มิได้หมายความว่าผู้เสียหายเพิ่งไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ 13 เมษายน 2554 หรือวันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดนับถึงวันที่ 13 เมษายน 2554 เป็นเวลาเกินกว่าสามเดือนแล้ว เพราะกรณีเป็นไปได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในกำหนดอายุความแล้ว ต่อมาจึงได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดีและมีการแจ้งข้อหาแก่จำเลยในภายหลังซึ่งเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิด และในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยมิได้ต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด จึงต้องถือว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 เป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ วรรคแรก และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนในความผิดฐานดังกล่าว ดังนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ และที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน