โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 52 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 282, 317, 319 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (3) (9), 78 ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่และถุงยางอนามัยของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสองและวรรคสาม, 317 วรรคสาม, 319 วรรคแรก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสองและวรรคสาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2), 52 วรรคสองและวรรคสาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 (3) (9), 78 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุกว่าสิบห้าปีแต่ต่ำกว่าสิบแปดปี ลดมาตราส่วนโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจารและเพื่อหากำไรตามฟ้องข้อ 1.2 และข้อ 1.8 จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 4 ปี 12 เดือน ฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อการอนาจารและเพื่อหากำไรโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามฟ้องข้อ 1.5 และข้อ 1.11 จำคุกกระทงละ 1 ปี เป็นจำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ที่ได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ฐานเป็นธุระจัดหาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี ฐานเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น และฐานร่วมกันบังคับ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรอันมีลักษณะลามกอนาจาร ในส่วนของผู้เสียหายที่ 1 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นธุระจัดหาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อจำเลยกระทำความผิดต่อผู้เสียหายที่ 1 ตามฟ้องข้อ 1.1 กับข้อ 1.3 และข้อ 1.7 กับข้อ 1.9 ต่างวันและเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี เป็นจำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ที่ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นโดยผู้นั้นยินยอม และฐานร่วมกันบังคับ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรอันมีลักษณะลามกอนาจาร ในส่วนของผู้เสียหายที่ 3 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายที่ 3 ตามฟ้องข้อ 1.4 กับข้อ 1.6 และข้อ 1.10 กับข้อ 1.12 ต่างวันและเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 4 ปี 12 เดือน รวมจำคุกมีกำหนด 20 ปี 24 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี 12 เดือน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมบ้านอุเบกขา มีกำหนดขั้นต่ำ 3 ปี ขั้นสูง 4 ปี นับแต่วันพิพากษาโดยให้หักวันควบคุมระหว่างฝึกอบรม ให้จำเลยศึกษาเล่าเรียนการศึกษานอกโรงเรียนให้จบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้จำเลยฝึกอาชีพที่ถนัดอย่างน้อย 3 อาชีพ ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและฝึกอบรม หากจำเลยมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังควบคุมตัวไม่ครบกำหนด ระยะเวลาฝึกอบรมเหลือระยะเวลาเท่าไหร่ ให้ส่งตัวจำเลยไปจำคุกที่เรือนจำจนกว่าจะครบระยะเวลาฝึกอบรมดังกล่าวต่อไปตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 วรรคท้าย ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่และถุงยางอนามัยของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 9 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีและบุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปีตามฟ้องข้อ 1.1 และข้อ 1.4 อีกหนึ่งกรรมด้วยและไม่ใช่เป็นความผิดกรรมเดียวกันกับความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ตามคำฟ้องข้อ 1.3 และ ข้อ 1.6 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุกว่าสิบห้าปีแต่ต่ำกว่าสิบแปดปี ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว ให้ลงโทษฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีและบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปีตามฟ้องข้อ 1.7 และ ข้อ 1.10 สำหรับความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ที่ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นโดยผู้นั้นยินยอม และฐานร่วมกันบังคับ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรอันมีลักษณะลามกอนาจาร ในส่วนของผู้เสียหายที่ 3 เป็นการกระทำอันกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันค้ามนุษย์ที่ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 52 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานอื่นของจำเลยที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้หลังจากลดโทษแล้ว 10 ปี 12 เดือน รวมเป็นจำคุกจำเลย 11 ปี 12 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกของจำเลยเป็นส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมบ้านอุเบกขาตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาประการเดียวว่า การที่จำเลยกับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งขณะเกิดเหตุอายุ 14 ปีเศษ ไปขายบริการทางเพศ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และวันที่ 19 สิงหาคม 2561 และพาผู้เสียหายที่ 3 ซึ่งขณะเกิดเหตุอายุ 15 ปีเศษ ไปขายบริการทางเพศ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และวันที่ 19 สิงหาคม 2561 การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และได้มีการกระทำความผิดตามที่ได้สมคบทุกครั้งที่จำเลยพาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ไปขายบริการทางเพศตามข้อ 1.1, 1.4, 1.7 และข้อ 1.10 ตามฟ้องนั้น ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนที่พันตำรวจโท ก. กับพวกจะทำการล่อซื้อบริการทางเพศผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 จากจำเลยกับนาย ส. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และวันที่ 19 สิงหาคม 2561 จำเลยกับนาย ส. สมคบกันโดยใช้ชื่อบนแอปพลิเคชันว่า โจโฉหรือเจมส์ บ้านนา ผ่านสื่อออนไลน์ทางเฟซบุ๊ก เสนอขายบริการทางเพศ และแต่ละครั้งจำเลยมีหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์พาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ไปส่งให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อตามสถานที่ที่สายลับนัดหมายเพื่อให้บริการทางเพศโดยแสดงตนว่า ชื่อ จ. และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษฟังข้อเท็จจริงด้วยว่า แต่ละครั้งที่จำเลยพาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ไปขายบริการทางเพศ ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับนาย ส. จะได้มีการกระทำสิ่งใดอันเป็นการสมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ใหม่ ดังนี้ เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกที่สมคบเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์มีเพียงครั้งเดียวตั้งแต่แรกที่พันตำรวจโท ก. พยานโจทก์ทำการล่อซื้อบริการทางเพศผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 จากจำเลยกับนาย ส. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 การที่จำเลยพาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ไปขายบริการทางเพศแก่สายลับที่ล่อซื้ออีก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2561 จึงเป็นเพียงการอาศัยการสมคบเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตั้งแต่แรกที่เคยล่อซื้อบริการทางเพศจากจำเลยกับนาย ส. มาแล้วเท่านั้น มิได้มีการกระทำอันเป็นการสมคบขึ้นใหม่อันจะเป็นความผิดทุกครั้งที่มีการซื้อบริการทางเพศจากจำเลยกับนาย ส. การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานสมคบเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้กระทำแก่ผู้เสียหายที่ 1 อายุไม่เกินสิบห้าปีและผู้เสียหายที่ 3 อายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ตามฟ้องข้อ 1.1 และข้อ 1.4 อีกกรรมหนึ่งเพียงกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดทุกครั้งที่จำเลยกับพวกเป็นธุระจัดหาหรือชักพาผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ไปเพื่อให้บุคคลนั้นทำการค้าประเวณี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2561 อีก จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้องข้อ 1.7 และข้อ 1.10 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ลงโทษนาย ส. พวกของจำเลยซึ่งกระทำความผิดมูลกรณีเดียวกันในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งที่โจทก์แนบมาท้ายฎีกา แม้คดีดังกล่าวจะถึงที่สุด แต่หาได้มีผลผูกพันจำเลยในคดีนี้ไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน