โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 6, 55, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเกิดเหตุและจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืน และด้ามปืนของกลาง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจโทสัญลักษณ์ รักษ์เจริญ ดาบตำรวจฉกาจ โรจนวิศิษฎ์ และจ่าสิบตำรวจสงัด เหลี่ยมเพชร ผู้ร่วมจับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า ก่อนจับกุมเจ้าพนักงานสืบสวนทราบว่า บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี มีผู้นำอาวุธปืนสงครามมาซุกซ่อนไว้ แต่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่ทราบว่า ผู้นำอาวุธปืนมาซ่อนเป็นใคร และบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านของใคร ทางนำสืบของโจทก์คงได้ความแต่เพียงว่า ขณะเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยนั่งทำความสะอาดอาวุธปืนของกลางอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นบริเวณที่เปิดเผย จำเลยก็ให้การต่อสู้คดีมาตั้งแต่ขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจนถึงชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาว่า อาวุธปืนของกลางเป็นของนายภุมรินทร์ คุ้มภัย นำมาให้จำเลยล้างทำความสะอาด การตรวจค้นบ้านเกิดเหตุไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใดอีก และในวันเดียวกันนั้นปรากฏข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของจำเลยว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายภุมรินทร์ได้พร้อมซองกระสุนปืนคาร์ไบน์ กับเครื่องกระสุนปืนคาร์ไบน์จำนวน 5 นัด ดังที่นายภุมรินทร์ถูกฟ้องต่อศาลตามสำเนาคำพิพากษาเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งพันตำรวจตรีอนัน ชูสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนก็รับในข้อนี้ ส่วนดาบตำรวจฉกาจพยานโจทก์ก็เบิกความว่า ได้มีการตรวจค้นและจับกุมนายภุมรินทร์ คุ้มภัย โดยเฉพาะของกลางที่ยึดได้จากนายภุมรินทร์เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้กับอาวุธปืนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลย โดยอาวุธปืนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยไม่มีซองกระสุนปืนและเครื่องกระสุนปืนอยู่ด้วย พฤติการณ์แห่งคดีเชื่อว่าจำเลยได้รับฝากอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืน และด้ามปืนของกลางไว้จากนายภุมรินทร์เพื่อทำความสะอาด การที่จำเลยครอบครองอาวุธปืนของกลางในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยยึดถืออาวุธปืนไว้แทนนายภุมรินทร์เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนายึดถือเพื่อตนไม่พอที่จะฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4 (6) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน