โจทฟ้องว่าจำเลยสมคบกันมีฝิ่นหนัก ๔๑๒.๕๐ กรัมไว้ไนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สาลชั้นต้นพิพากสาปรับนายพยุงจำเลย ส่วนนายสง่าปล่อยตัวไป
ปัญหาที่จำเลยอุธรน์มีว่า ๑.พยานโจทคนหนึ่งไม่ได้ไห้การชั้นสอบสวน ๒.เวลาไห้การถึงประมานฝิ่นของกลางก้อ่านดูจากที่จดไว้ ๓.การบันทึกฝิ่นของกลางส่งพนักงานอัยการการแก้ห่อของกลางเพื่อตรวดรับไม่ได้กะทำต้อหน้าจำเลย ดั่งนี้จะรับฟังได้หรือไม่
สาลอุธรน์เห็นว่า ๑.แม้พยานโจทปากหนึ่งจะไม่ได้ไห้การไว้ไนชั้นสอบสวน ก็ไม่ทำไห้การสอบสวนเสียไป ๒.การที่นายนัติเบิกความถึงจำนวนฝิ่นของกลางโดยอาสันดูบันทึกเพื่อเตือนความจำไม่มีกดหมายห้าม ตำพยานโจทดั่งไนข้อ ๑ และ ๒ นี้รับฟังได้ ๓. ข้อนี้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแจ่สาลชั้นต้น จึงไม่รับไว้วินิฉัย
จำเลยดีกาว่า ๑.พยานทั้งหมดที่จะสืบชั้นพิจาธนานั้นต้องมีการสอบสวนเสียก่อน ๒.การบันทึกหรือห่อหรือแก้ห่อฝิ่นไม่ได้ทำต้อหน้าจำเลย ขัดต่อวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๒๔๒
สาลดีกาเห็นว่า ตามดีกาข้อ ๑ นั้นกดหมายไม่ได้บังคับไว้ดังจำเลยอ้าง จึงรับฟังได้ ข้อ ๓ สาลอุธรน์ฟังข้อเท็ดจิงตามคำพยานบุคคลของโจทแล้วว่า ฝิ่นของกลางที่จับได้ที่จำเลยหนัก ๔๑๒.๕๐ กรัม แม้เจ้าพนักงานจะปติบัติเกี่ยวกับของกลางอันเปนพยานวัตถุไม่ถูกต้องตามที่กดหมายบังคับเพียงเท่านี้ย่อมไม่เปนเหตุพอจะไห้ชี้ขาดข้อเท็ดจิงไนเรื่องจำนวนฝิ่นตามที่สาลอุธรน์ฟังมาเปนอย่างอื่นไมได้ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์