โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนสำหรับห้องชุดเลขที่ 45/28 ประจำปีภาษี 2541 ถึง 2544 ห้องชุดเลขที่ 12/3 ประจำปีภาษี 2540 ถึง 2544 ห้องชุดเลขที่ 12/7 ประจำปีภาษี 2541 ถึง 2544 ห้องชุดเลขที่ 12/8 ประจำปีภาษี 2542 ถึง 2544 ห้องชุดเลขที่ 12/54 หรือ 45 ประจำปีภาษี 2543 และ 2544 และใบแจ้งคำชี้ขาดฉบับลงวันที่ 31 ตุลาคม 2550 กับให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวน 1,045,375 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระให้แก่จำเลยเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2548 สำหรับโรงเรือนตามฟ้องต่อจำเลยพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ตรวจสอบสมุดทะเบียนภาษีโรงเรือนและที่ดินแล้วปรากฏว่าโรงเรือนดังกล่าวยังไม่เคยยื่นเสียภาษี จึงได้ขอเอกสารต่าง ๆ เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย สำเนาทะเบียนบ้าน และหนังสือสัญญาเช่า เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินแต่โจทก์ไม่ส่งเอกสารดังกล่าวมาให้ต่อมาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 โจทก์มายื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2549 สำหรับโรงเรือนตามฟ้องอีก พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ขอเอกสารต่างๆ เช่นเดียวกับปี 2548 แต่โจทก์ไม่ได้จัดส่งให้โดยอ้างว่าโจทก์ได้ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเอกสารต่างๆ มาให้ในปีก่อนหน้านี้แล้ว เป็นเหตุให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถประเมินค่ารายปีและค่าภาษีได้ จนกระทั่งเดือนธันวาคม 2549 สำนักงานเขตคลองเตยได้จัดกิจกรรมทำความสะอาดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรม 5 ส จึงได้พบเอกสารแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ก่อนปีภาษี 2548 บางปี ส่วนปีที่ไม่พบโจทก์ได้นำสำเนามาส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ตรวจสอบแบบ ภ.ร.ด.2 ดังกล่าวกับสมุดรับแบบ ภ.ร.ด.2 แล้ว ปรากฏไม่มีการลงรับแบบ ภ.ร.ด.2 ของโจทก์ทั้งหมดไว้แต่อย่างใด จึงได้ประเมินเรียกเก็บค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินย้อนหลังไป 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/31 ตามระเบียบกรุมเทพมหานครว่าด้วยวิธีปฏิบัติงานสารบรรณ พ.ศ.2528 ข้อ 13 และระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยวิธีปฏิบัติงานสารบรรณ พ.ศ.2546 ข้อ 14 ประกอบกับประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หน่วยสารบรรณกลางของกรุงเทพมหานคร และหน่วยสารบรรณกลางของหน่วยงาน ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2546 ข้อ 3 จึงถือว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นแบบ ภ.ร.ด.2 ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ตั้งแต่ปีภาษี 2540 ถึง 2544 การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยและคำชี้ขาดคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินค่าภาษีนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระให้แก่จำเลยนั้น หากศาลมีคำพิพากษาให้คืนเงินดังกล่าว จำเลยก็ต้องคืนให้โจทก์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหากไม่คืนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันครบกำหนด 3 เดือน นับจากวันที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนห้องชุดเลขที่ 45/28 ปีภาษี 2541 ถึง 2544 เลขที่ 12/3 ปีภาษี 2540, 2541, 2543 และ 2544 เลขที่ 12/7 ปีภาษี 2541 ถึง 2544 เลขที่ 12/8 ปีภาษี 2542 ถึง 2544 และเลขที่ 12/54 ปีภาษี 2543 และ 2544 และใบแจ้งคำชี้ขาดฉบับลงวันที่ 31 ตุลาคม 2550 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 1,045,375 บาท แก่โจทก์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าไม่คืนภายในกำหนดให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า "...ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกมีว่า โจทก์ยืนแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2540 ถึง 2544 สำหรับโรงเรือน พิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีภาษีหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเพียงแต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังมิได้เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเท่านั้น จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินแต่อย่างใด นอกจากนี้จำเลยยังให้การต่อไปว่าในเดือนธันวาคม 2549 พบเอกสารแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ก่อนปีภาษี 2548 บางปี โดยจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่าแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรียนและที่ดินก่อนปีภาษี 2548 ที่พบเป็นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีใด และมิใช่ปีภาษี 2540 ถึง 2544 ที่พิพาทหรือไม่ คำให้การของจำเลยจึงไม่แสดงโดยชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วนเป็นคำให้การที่ไม่ชอบ ถือได้ว่าจำเลยยอมรับข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าโจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับห้องชุดพิพาทประจำปีภาษี 2540 ถึง 2544 ต่อจำเลยตามกำหนดเวลาของกฎหมายแล้ว คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2540 ถึง 2544 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีภาษีหรือไม่การที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ชอบไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยที่จะอุทธรณ์ตามกฎหมาย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลภาษีอากรกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการสุดท้ายมีว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยมีอำนาจประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2541 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 45/28 ปีภาษี 2540, 2541, 2543, 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/3 ปีภาษี 2541 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/7 ปีภาษี 2542 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/8 ปีภาษี 2543 และ 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/54 ของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ขั้นตอนการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินนั้นเริ่มจากผู้รับประเมินจะต้องยื่นแบบพิมพ์เพื่อแจ้งรายการทรัพย์สินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในท้องที่ซึ่งทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 19 จากนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจพิจารณาแบบใบแจ้งรายการนี้ถ้าเห็นจำเป็นก็ให้มีอำนาจสั่งให้ผู้รับประเมินแสดงรายการเพิ่มเติมให้ละเอียดยิ่งขึ้น และถ้าจะเรียกให้นำพยานหลักฐานมาสนับสนุนข้อความในรายการนั้นก็เรียกได้ตามมาตรา 21 เมื่อดำเนินการไต่สวนตรวจตราเสร็จแล้ว มาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะกำหนดประเภทแห่งทรัพย์สิน ค่ารายปีแห่งทรัพย์สิน และค่าภาษีที่จะต้องเสียแล้วแจ้งไปยังพนักงานเก็บภาษีเพื่อให้แจ้งรายการประเมินไปยังผู้รับประเมินต่อไปแม้ความในมาตรา 24 จะมิได้บัญญัติถึงกำหนดระยะเวลาในการแจ้งรายการประเมินไปยังผู้รับประเมินไว้ แต่มาตรา 24 ทวิ ก็บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจประเมินและแจ้งการประเมินย้อนหลังให้ผู้รับประเมินเสียภาษีตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ประเมินได้หากปรากฏว่าผู้รับประเมินผู้ใดไม่ยื่นแบบพิมพ์แสดงรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 19 หรือยื่นแบบพิมพ์ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์โดยกรณียื่นแบบพิมพ์ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 24 ทวิ ย้อนหลังได้ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นแบบพิมพ์ตามมาตรา 19 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีที่พิพาทสำหรับห้องชุดพิพาทภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 19 แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องประเมินค่ารายปีและค่าภาษีแจ้งไปยังโจทก์ภายใน 5 ปี นับแต่วันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปีที่โจทก์ยื่นแบบพิมพ์ไว้ ไม่ว่าการประเมินนั้นจะเป็นเพราะโจทก์แจ้งค่ารายปีไม่ถูกต้อง หรือมีทรัพย์สินบางรายการต้องนำมาคำนวณเพิ่มเติมหรือเพราะโจทก์ยื่นแบบพิมพ์ไว้ถูกต้อง แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยยังมิได้ดำเนินการประเมินก็ตาม แม้สิทธิเรียกร้องของรัฐที่จะเรียกเอาค่าภาษีอากรจะมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/31 แต่การที่จำเลยจะใช้สิทธิเรียกร้องเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจากโจทก์ในกรณีนี้ได้กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการแจ้งรายการประเมินไปยังโจทก์ก่อน การแจ้งรายการประเมินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงต้องกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อปรากฏว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งรายการประเมินไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2550 ซึ่งโจทก์ได้รับเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550 การประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษีที่พิพาทสำหรับห้องชุดของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการประเมินย้อนหลังเกิน 5 ปี นับแต่วันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปีภาษีพิพาทที่โจทก์ยื่นแบบพิมพ์ไว้เป็นการประเมินเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาตามมาตรา 24 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 เป็นผลให้การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดยืนตามการประเมินของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2541 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 45/28 ปีภาษี 2540, 2541, 2543, 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/3 ปีภาษี 2541 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/7 ปีภาษี 2542 ถึง 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/8 ปีภาษี 2543 และ 2544 สำหรับห้องชุดเลขที่ 12/54 ให้แก่จำเลย ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นชอบแล้วอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ