โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยกับพวกอีก ๓ คน  ซึ่งแต่งกายเป็นทหารมีปืนเป็นอาวุธ  เข้ามาในร้านค้าของผู้เสียหายแล้วบังคับให้ผู้เสียหายคิดบัญชีการก่อสร้างโรงเรียนวัดดอนยอให้เสร็จในวันนั้น  เพื่อจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งอันเป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน  จำเลยกับพวกขู่เข็นจะทำอันตรายต่อชีวิต  และใช้ปืนขู่จะยิงผู้เสียหาย  แต่ผู้เสียหายไม่กลัว  และจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในร้าน  การกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผล  ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓, ๓๐๙, ๓๓๗, ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายสมบุญ  เกตุแก้ว  ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม  ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  การกระทำของจำเลยมีเหตุผลสมควร  และไม่มีเจตนาทุจริต  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกหรือฐานกรรโชก  แต่เป็นความผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพ  พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า  จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙  ประกอบด้วยมาตรา ๘๐, ๘๓  จำคุก ๘ เดือน  ปรับ ๑,๐๐๐ บาท   โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามมาตรา ๕๖  มีกำหนด ๑ ปี  นอกจากนี้แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  การที่จำเลยขู่เข็นให้ผู้เสียหายคิดบัญชี  ซึ่งผู้เสียหายกับจำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน  ไม่มีทางที่จะเห็นได้ว่าจำเลยจะได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินแต่อย่างใด  หากจะได้ก็เพียงแต่สิทธิในฐานที่เป็นหุ้นส่วนกันเท่านั้น  และการคิดบัญชีกันนั้นอาจเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องขาดประโยชน์หรือทรัพย์สินก็ได้  จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามกรรโชก
ส่วนความผิดต่อเสรีภาพนั้น  จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนเข้าไปในร้านขายยาของผู้เสียหายจะข่มขู่ให้ผู้เสียหายคิดบัญชีกาเรงินโดยขู่ว่าถ้าไม่คิดจะเกิดเรื่อง  แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้ผู้เสียหายกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตจนยอมคิดบัญชีให้  จำเลยได้กระทำไปโดยตลอดแล้วเพื่อให้ผู้เสียหายกลัว  และกระทำตามความประสงค์ของจำเลย  เมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล  จะด้วยเหตุเพราะผู้เสียหายไม่กลัว  หรือเพราะเจ้าพนักงานตำรวจเข้ามาขัดขวางหรือด้วยเหตุใดก็ตาม  การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานพยายามกระทำผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙ วรรค ๒  ประกอบมาตรา ๘๐, ๘๓ แล้ว
พิพากษายืน