โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นกรมในกระทรวงสาธารณสุข โจทก์ที่ ๒ เป็นกรมในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและวิชาการจากต่างประเทศ และจัดสรรเงินทุนที่รัฐบาลต่างประเทศให้แก่รัฐบาลไทย ตามความต้องการของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้จัดสรรเงินทุนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนนาดาให้แก่รัฐบาลไทยให้แก่โจทก์ที่ ๑ และนายแพทย์เผด็จ วรรธนสาร เป็นผู้รับทุนดังกล่าว โดยจำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันให้ไว้แก่โจทก์ที่ ๑ ยอมรับผิดชดใช้แทนนายแพทย์เผด็จ ในเมื่อนายแพทย์เผด็จผิดสัญญาจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่รัฐบาลไทยหรือองค์การต่างประเทศ ที่ให้ทุนได้จ่ายไปในการเดินทางไปศึกษา รวมตลอดทั้งเงินเดือนเงินเพิ่มให้แก่โจทก์จนครบถ้วนโดยปราศจากเงื่อนไข นายแพทย์เผด็จเดินทางไปศึกษาแล้วขอลาออกจากราชการ แต่ทางราชการไม่อนุญาตและเรียกให้นายแพทย์เผด็จเดินทางกลับ แต่นายแพทย์เผด็จไม่กลับเป็นการผิดสัญญาที่ให้ไว้แก่โจทก์ นายแพทย์เผด็จได้รับเงินทุนไปทั้งสิ้น ๒๔๗,๙๔๓.๐๑ บาท ต้องรับผิดเงินจำนวนดังกล่าวแต่ไม่ชำระ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิด แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ทุนที่นายแพทย์เผด็จไปรับมิใช่ทุนที่รัฐบาลแคนนาดาให้กับรัฐบาลไทย โจทก์ที่ ๒ กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน โจทก์ที่ ๒ ไม่มีอำนาจฟ้อง ในการรับทุนไม่มีเงื่อนไขที่จะต้องชดใช้เงินคืนไม่ว่ากรณีใด ๆ แก่องค์การผู้ให้ทุนหรือองค์การอื่น ๆ หรือรัฐบาลใดเลย นายแพทย์เผด็จไม่เคยทำสัญญาหรือข้อตกลงใด ๆ ในการรับทุน จำเลยค้ำประกันนายแพทย์เผด็จ ในกรณีที่นายแพทย์เผด็จผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้รัฐบาล หรือแก่กรมการแพทย์เฉพาะเงินเดือน และเงินเพิ่มที่นายแพทย์เผด็จได้รับระหว่างลาโดยมีกำหนดเวลา ๒ ปีเท่านั้น ครบกำหนดสัญญาค้ำประกัน จำเลยมิได้ทำสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ที่ ๑ อีก แต่โจทก์ที่ ๑ กลับขยายระยะเวลาให้นายแพทย์เผด็จศึกษาหรือฝึกงานต่อไปอีก เป็นการขยายเวลาหรือผ่อนเวลาให้นายแพทย์เผด็จโดยจำเลยมิได้ตกลงด้วย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด จำเลยไม่ทราบว่าหนี้เงินตามฟ้องเกี่ยวกับค่าอะไรและเท่าใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์ที่ ๑ สำหรับเงินเดือนและเงินเพิ่มที่นายแพทย์เผด็จรับไปแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ที่ ๒ ไม่เกี่ยวเป็นคู่สัญญากับผู้รับทุน จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องให้โจทก์ที่ ๑ จำเลยให้การไม่ชัดแจ้งว่า คดีโจทก์ขาดอายุความในข้อไหนอย่างไร กรณีเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ในฐานะผู้รับทุนผิดสัญญา ไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๖๕ ข้อ ๑๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องใช้อายุความตามมาตรา ๑๖๔ มีกำหนด ๑๐ ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๑ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน เอกสารมีข้อความว่า "ถ้าปรากฏขึ้นเมื่อใดว่าผู้ได้รับทุนนี้ตกเป็นผู้ผิดสัญญาหรือกระทำการใด ๆ อันนำความเสียหายหรือด้วยประการใด ๆ จนผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้แก่รัฐบาล หรือแก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญา จะเป็นโดยสัญญาหรือโดยเหตุใด ๆ ก็ตาม ข้าพเจ้า (จำเลย) ขอให้สัญญาไว้แก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญาว่า ข้าพเจ้า (จำเลย) ยอมรับชดใช้เงินที่ตกเป็นลูกหนี้ดังกล่าวแทนผู้ได้รับทุนรายนี้ทั้งสิ้น ฯลฯ" โจทก์ที่ ๑ ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินทุนที่นายแพทย์เผด็จรับไปตามแผนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนนาดาให้แก่รัฐบาลไทย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแคนนาดาเกี่ยวกับฝึกอบรมของนายแพทย์เผด็จเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒๔๗,๙๔๓ บาท ๐๑ สตางค์ ฟ้องโจทก์ที่ ๑ มิได้แสดงรายละเอียดว่า ค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าอะไรบ้าง แต่ละอย่างจำนวนเท่าใด อันเป็นสารสำคัญที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน มิใช่เป็นผู้รับทุน เมื่อจำเลยไม่เข้าใจข้อหา ย่อมไม่อาจให้การต่อสู้ได้ ฟ้องของโจทก์ที่ ๑ ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา เป็นฟ้องเคลือบคลุม ชอบที่จะยกเสีย
พิพากษายืน