โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยที่ ๔ ที่ ๕  กับพวกร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการตำรวจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๘๓, ๘๖  พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา  พ.ศ. ๒๕๐๒  มาตรา ๑๓
จำเลยทั้ง ๕ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า  จำเลยทั้ง ๕  คนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗  พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒  มาตรา ๑๓  สำหรับจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓ มึความผิดประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ อีกด้วย  ให้จำคุกจำเลยที่ ๔  ที่ ๕  คนละ ๑ ปี ๖ เดือน  จำคุกจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓  คนละ ๑ ปี  ลด ๑ ใน ๓  ตามมาตรา ๗๘  คงจำคุกจำเลยที่ ๔  ที่ ๕  คนละ ๑ ปี  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ที่ ๓  คนละ ๘ เดือน
จำเลยที่ ๔  ที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า  จำเลยที่ ๔  ที่ ๕  ซึ่งเป็นพลตำรวจร่วมกับพวกเข้าไปในบ้านนางทรัพย์เจ้าสำนักค้าประเวณี  ขณะเปิดทำการค้าประเวณีอยู่  อันเป็นความผิดซึ่งหน้า  ประกาศตนเป็นตำรวจจะทำการจับกุมผู้กระทำผิดในที่นั้น  ได้จับหญิงโสเภณี ๕ คนออกไปจากบ้าน  แล้วมอบให้จำเลยที่ ๑  ซึ่งเป็นพวกของตนไปเสียโดยไม่ทำการจับกุมอย่างจริงจัง  มิได้นำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  ถือว่าเป็นการละเว้นไม่จับกุม  เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เกิดความเสียหายแก่ราชการตำรวจ
พิพากษายืน  ยกฎีกาจำเลยที่ ๔  ที่ ๕  เสีย