คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2544 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาด และวันที่ 6 มีนาคม 2549 มีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ต่อมาวันที่ 17 ตุลาคม 2561 ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้หลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 และที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลยที่ 2
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งยกเลิกการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นของผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 และให้ผู้คัดค้านไม่เสนอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาคำขอประนอมหนี้เกี่ยวกับทรัพย์หลักประกันของผู้ร้องอีก โดยให้ผู้คัดค้านประกาศขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นทรัพย์หลักประกันของผู้ร้องเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านเรื่องสิทธิออกเสียงลงมติของเจ้าหนี้มีประกันและมติที่ประชุมเจ้าหนี้ในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 ให้ผู้คัดค้านเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรึกษาว่าควรยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลยที่ 2 หรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
ผู้ร้องและผู้คัดค้านฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังยุติว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้รายที่ 190, 353 และ 354 จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันโดยขอให้ผู้คัดค้านขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์หลักประกันแล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ผู้คัดค้านยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยประเมินราคาขณะยึดเป็นเงิน 210,920,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอประนอมหนี้หลังล้มละลาย โดยมีข้อความปรากฏตามรายงานการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นของผู้คัดค้านฉบับลงวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ดังนี้ "... ข้อ 2 นอกจากหนี้ที่กล่าวในข้อ 1 ข้าพเจ้ายินยอมชำระบรรดาหนี้ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้ว เป็นจำนวนดังนี้
ข้อ 2.1 เจ้าหนี้มีประกัน ชำระหนี้ด้วยเงิน (รายละเอียดปรากฏตามข้อ 3.1 ถึง 3.4) ภายใน 6 เดือน นับแต่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ เมื่อชำระหนี้ตามข้อ 2.1 แล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการยึดที่ดินหลักประกัน และไถ่ถอนจำนำหุ้น ส่วนจำนวนหนี้ที่เหลือให้ได้รับชำระหนี้เช่นเดียวกับเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ตามข้อ 2.2...
ข้อ 3.1 เจ้าหนี้รายที่ 190, 353 และ 354 (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)) ชำระเงินจำนวน 590,000,000 บาท (ห้าร้อยเก้าสิบล้านบาทถ้วน) โดยเมื่อข้าพเจ้าชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้รายนี้ตามข้อ 3.1 ครบถ้วนแล้ว ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งถอนการยึดทรัพย์หลักประกันตามที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และขอให้เจ้าหนี้ไถ่ถอนจำนองทรัพย์หลักประกันที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และคืนโฉนดให้แก่ข้าพเจ้าทันที..."
วันที่ 17 ตุลาคม 2561 ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเพื่อปรึกษาว่าควรยอมรับคำขอประนอมหนี้หลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 หรือไม่ ในวันดังกล่าวมีเจ้าหนี้เข้าร่วมประชุม จำนวน 166 ราย ผู้คัดค้านกำหนดสิทธิออกเสียงในการประชุมเจ้าหนี้ของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายที่ 190, 353 และ 354 เป็น 1 คะแนนเสียง โดยให้ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 190 จำนวนหนี้ 174,335,644.93 บาท มีจำนวนหนี้ในการใช้สิทธิออกเสียง 174,335,644.93 บาท ให้ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 353 จำนวนหนี้ 182,019,304.11 บาท มีจำนวนหนี้ในการใช้สิทธิออกเสียง 182,019,304.11 บาท และผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 354 จำนวนหนี้ 701,691,757.72 บาท มีจำนวนหนี้ในการใช้สิทธิออกเสียง 111,691,757.72 บาท โดยผู้คัดค้านคำนวณสิทธิออกเสียงสำหรับผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 354 โดยนำยอดหนี้ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้บางส่วนไปหักจำนวนเงินตามคำขอประนอมหนี้ที่จำเลยที่ 2 เสนอชำระเพื่อไถ่ถอนหลักประกัน คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 590,000,000 บาท ผลการลงมติปรากฏว่ามีเจ้าหนี้ไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลยที่ 2 จำนวน 5 ราย ได้แก่ เจ้าหนี้รายที่ 190, 250, 323, 353 และ 354 และรวมจำนวนหนี้ทั้งหมดแล้วได้ 492,332,668.38 บาท ส่วนเจ้าหนี้ที่ลงมติยอมรับคำขอประนอมหนี้หลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 มีจำนวน 160 ราย นับเป็นคะแนนเสียง 155 เสียง รวมจำนวนหนี้ทั้งหมดแล้วได้จำนวนหนี้ 3,280,720,611.65 บาท
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องในประการแรกว่า การที่ผู้คัดค้านจัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเพื่อพิจารณาว่าสมควรยอมรับคำขอประนอมหนี้หลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 ที่ขอชำระเงินเพื่อไถ่ถอนทรัพย์หลักประกันของผู้ร้องโดยมิได้นำทรัพย์หลักประกันออกขายทอดตลาดตามคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง และผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันมิได้ยินยอมชอบหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 190, 353 และ 354 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง กรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 และได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์หลักประกันแล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) การที่จำเลยที่ 2 เสนอคำขอประนอมหนี้โดยเสนอชำระเงิน 590,000,000 บาท เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจากผู้ร้องและให้คืนโฉนดที่ดินแก่จำเลยที่ 2 แล้วขอให้ผู้คัดค้านถอนการยึดทรัพย์หลักประกันที่ดินโฉนดเลขที่ 206459 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ทั้งที่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้รายที่ 190, 353 และ 354 ขอรับชำระหนี้สำหรับเจ้าหนี้รายที่ 190 เป็นเงิน 174,335,644.93 บาท เจ้าหนี้รายที่ 353 เป็นเงิน 182,019,304.11 บาท และเจ้าหนี้รายที่ 354 มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นเงิน 701,691,757.72 บาท และผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกันอันมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์หลักประกันก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ใช้สิทธิเลือกที่จะให้ผู้คัดค้านจัดการกับทรัพย์หลักประกันของผู้ร้องด้วยวิธีให้ผู้คัดค้านขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันแล้วขอรับชำระหนี้ในส่วนที่ขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) คำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 ที่ขอไถ่ถอนทรัพย์หลักประกันของผู้ร้องโดยที่จำเลยที่ 2 กำหนดราคาไถ่ถอนทรัพย์หลักประกันเองโดยที่ผู้ร้องไม่ยินยอมด้วย จึงเป็นคำขอประนอมหนี้ที่กระทบถึงสิทธิของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน อันเป็นคำขอประนอมหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้คัดค้านไม่อาจดำเนินการจัดประชุมเพื่อเสนอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติเพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวได้ การจัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 ของผู้คัดค้านจึงมิชอบ ฎีกาของผู้ร้องในข้อนี้ฟังขึ้น การที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาให้เพิกถอนเพียงคำสั่งของผู้คัดค้านเรื่องสิทธิออกเสียงลงมติของเจ้าหนี้มีประกันและมติที่ประชุมเจ้าหนี้ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เมื่อได้วินิจฉัยไว้ในข้างต้นแล้วว่าการจัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 โดยผู้คัดค้านไม่ชอบ กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาฎีกาของผู้ร้องและผู้คัดค้านในประเด็นอื่นเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษากลับเป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่จัดการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ