โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 27, 28, 69, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6, 34 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 287 ริบของกลางและสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 27, 28 (ที่ถูก 28 (1)), 69 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (ที่ถูกมาตรา 287 (1)) พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ลงโทษปรับ 120,000 บาท ฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 2,000 บาท ฐานมีไว้เพื่อขายและทำให้แพร่หลายซึ่งแถบบันทึกเสียงและภาพอันลามก จำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ปรับ 29,084 บาท รวมโทษเป็นจำคุก 3 เดือน และปรับ 156,084 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง (ที่ถูกกระทงละกึ่งหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน และปรับ 78,042 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 321 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และให้จ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ริบของกลางอื่น
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเพียงประการเดียวว่า สมควรลดโทษปรับให้แก่จำเลยหรือไม่ สำหรับความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาปรับจำเลย 1,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 39 (4) อุทธรณ์ของจำเลยเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย สำหรับความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ บัญญัติโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ คำว่า "อากร" ตามบทบัญญัติดังกล่าวหมายถึงค่าอากรในทางศุลกากรเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีตามกฎหมายอื่นคดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมแบตเตอรี่และสายชาร์ตไฟฟ้ารวม 10 เครื่อง แบตเตอรี่โทรศัพท์สำรองจำนวน 7 ชิ้น หูฟังโทรศัพท์จำนวน 7 ชิ้นรวมราคา 6,740 บาท ซึ่งสิ่งของดังกล่าวผลิตในต่างประเทศและยังไม่ได้เสียค่าภาษีและยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร โดยจำเลยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้ามหรือข้อจำกัดที่จะต้องเสียสำหรับของนั้น เป็นค่าอากร 34 บาท ค่าภาษีสรรพสามิต 18 บาท ภาษีมหาดไทย 2 บาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 477 บาท รวมเป็นเงินค่าอากร 531 บาท ซึ่งรวมราคาของและค่าภาษีอากรเข้าด้วยกันแล้วเป็นเงิน 7,271 บาท ดังนั้น เมื่อหักค่าภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่มของราคาของดังกล่าวออกแล้ว คงเป็นราคาของและอากรขาเข้า รวมเป็นเงิน 6,774 บาท โทษปรับสี่เท่าเป็นจำนวน 27,096 บาท ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาปรับจำเลยในความผิดดังกล่าวก่อนลดโทษ รวมเป็นเงิน 29,084 บาท โดยนำภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่มมารวมคำนวณค่าปรับด้วยนั้น จึงเกินกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง และอัตราโทษปรับดังกล่าว เป็นอัตราโทษตามกฎหมาย ไม่อาจลงโทษต่ำไปกว่าที่กำหนดไว้ได้...
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ลงโทษปรับ 27,096 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 13,548 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.