ข้อเท็จจริงได้ความว่า พร้าของนายรายหายไป ต่อมาพบพร้าที่หายนั้นอยู่กับจำเลย จึงขอคืน จำเลยว่ารับจำนำไว้จากเด็ก ถ้าจะเอาคืนต้องใช้สตางค์จำเลยนายรายไม่มีสตางค์จึงเอาเสื้อให้จำเลยยึดไว้ แล้วนำพร้าไปมอบให้ผู้ใหญ่บ้าน ขอให้ทำรายงานส่งอำเภอและไปเอาเสื้อคืน รุ่งขึ้นจำเลยไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน พบนายรายกับผู้ใหญ่บ้าน กำลังเขียนรายงานกันอยู่ จำเลยพูดว่าไหนจะไม่เอาความ ทำไมจึงรายงานแล้วก็หยิบพร้าซึ่งวางอยู่ในที่พื้นลงเรือนไปผู้ใหญ่บ้านห้าม จำเลยก็ไม่ฟัง ผู้ใหญ่บ้านติดตามจะเอาพร้าคืน จำเลยกลังเงือดเงื้อพร้าและพูดว่าถ้าขืนเข้ามาจะฟัน ผู้ใหญ่บ้านไม่กล้าเข้าใกล้จำเลยจึงพาเอาพร้าไป
ศาลชั้นต้น เห็นว่ายังไม่เป็นความผิดฐานลักหรือชิงทรัพย์ตามฟ้องเพราะจำเลยไม่มีเจตนาทุจจริต จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๒๒
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพร้านั้นนายรายได้มอบอายัดไว้ต่อผู้ใหญ่บ้าน จำเลยกลับแย่งยื้อเอาไปและขู่จะทำร้ายผู้ใหญ่บ้านด้วย คดีฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำโทษเจตนาทุจจริตจึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา ๒๙๘
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยหยิบเอาพร้าไปก็เพื่อจะมิให้ผู้ใหญ่บ้านรายงานถึงกำนัน พฤตติการณ์ของจำเลยไม่แสดงว่าจำเลยมีเถยยจิตต์เป็นโจร จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๒๒ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น