ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบการล้มละลายต่อการดำเนินคดีเช่าและการเรียกร้องค่าเสียหาย: อำนาจฟ้องและสิทธิอุทธรณ์
โจทก์เป็นผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าให้ออกจากทรัพย์ที่ให้เช่าและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าการเช่าธรรมดา จำเลยเช่าทรัพย์พิพาทได้เพียง 5 ปี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อปรากฏแหล่งที่มา ศูนย์วิชาการงานคดี ศาลฎีกาว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอำนาจในการต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (3) คำฟ้องในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ขับไล่จำเลยออกจากทรัพย์ที่ให้เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์เอง เป็นคดีที่ไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่จะต่อสู้คดีในส่วนนี้ได้โดยลำพัง แต่ตามคำฟ้องโจทก์ในส่วนที่มีคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหายมาด้วยนั้น เป็นคดีที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีตามคำขอส่วนนี้แทนจำเลย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ขอเข้าดำเนินคดีโดยเห็นว่าส่วนในเรื่องค่าเสียหายเป็นสิทธิเรียกร้องที่มีมูลหนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 24 นั้น ก็เป็นเพียงความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านการที่จำเลยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีเองเฉพาะในส่วนที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย และอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีเฉพาะในส่วนที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยด้วยตนเองได้ โดยไม่ได้สั่งงดการพิจารณาคดีหรือจำหน่ายคดีในส่วนค่าเสียหายแต่อย่างไร ถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยในส่วนนี้แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้เฉพาะที่พิพากษาให้ขับไล่จำเลยเท่านั้น ส่วนที่พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์