โจทก์ฟ้องว่า นายบิล สเวน ได้ซื้อเครื่องปรับอากาศ "ฮ้อทพ๊อยท"จำนวน ๗ เครื่อง ไปจากห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์โดยยังมิได้ชำระราคา และนำไปติดตั้งไว้ในบ้านซึ่งต่อมาได้เป็นมรดกตกทอดไปยังจำเลยที่ ๑ ที่ ๒และทายาทอื่น ๆ ต่อมาผู้ซื้อได้ตกลงให้ห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์ไปถอดเครื่องปรับอากาศดังกล่าวคืน แต่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ยอมให้พนักงานของห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์ถอด และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ให้จำเลยที่ ๓เช่าเครื่องปรับอากาศทั้งหมดไป จำเลยที่ ๓ ก็ยืนยันไม่ยอมให้ห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์ถอดเครื่องปรับอากาศดังกล่าว ต่อมาห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์ได้โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้สินทั้งสิ้นที่ห้างมีอยู่ต่อบุคคลอื่นให้แก่บริษัทโจทก์ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทุกคนทราบ และเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาเครื่องปรับอากาศกับค่าเสียหายให้โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยไม่เคยได้รับแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องเป็นหนังสือ จำเลยไม่เคยโต้แย้งหรือขัดขวางการที่โจทก์จะขนย้ายเครื่องปรับอากาศไป เครื่องปรับอากาศเป็นของผู้ซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๓ ไม่ได้เช่าเครื่องปรับอากาศตามโจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๓ฟ้องแย้งว่า โจทก์แกล้งฟ้องจำเลยเป็นการละเมิด ขอให้ใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้ง และพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องโจทก์มีอำนาจเรียกเครื่องปรับอากาศคืน แต่โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ได้ขัดขวางการที่โจทก์จะมาเอาเครื่องปรับอากาศไป โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๒ ทราบ จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ ๒รับผิด จำเลยที่ ๓ ไม่ได้เป็นผู้เช่าบ้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ ไม่ต้องรับผิดพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จะเป็นทายาทมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับบ้านที่ตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่การดูแลผลประโยชน์จำเลยที่ ๑ ที่ ๒มิได้เกี่ยวข้องด้วย โจทก์ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองขัดขวางมิให้โจทก์ขนย้ายเครื่องปรับอากาศไป ส่วนจำเลยที่ ๓ เป็นเพียงภรรยาผู้เช่าบ้านที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ทั้งมิได้ขัดขวางโจทก์ จึงมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๓มิได้เป็นผู้เช่าบ้านที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ สามีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้เช่า จำเลยที่ ๓ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในทรัพย์สินที่เช่า และมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์เช่นเดียวกันจำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์เป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศทั้ง ๗ เครื่องจึงมีสิทธิติดตามเอาจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖เมื่อปรากฏว่านายบิล สเวนผู้ซื้อได้นำเอาเครื่องปรับอากาศไปติดไว้ในบ้านซึ่งเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทรวมทั้งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ย่อมเป็นเจ้าของร่วมในบ้านนั้น และเป็นผู้ครอบครองเครื่องปรับอากาศรายพิพาทซึ่งห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์ใช้สิทธิติดตามเอาคืนได้ การที่ทายาทได้ตกลงตั้งสำนักงานจัดผลประโยชน์ในทรัพย์มรดกขึ้นเพื่อประโยชน์ในระหว่างทายาทด้วยกันเอง หามีผลลบล้างหน้าที่ของทายาทที่มีต่อบุคคลภายนอกในฐานะเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์นั้นไม่ ที่ห้างเบอร์ลี่ยุคเกอร์โอนสิทธิที่จะเรียกร้องเอาเครื่องปรับอากาศรายนี้ให้แก่โจทก์ มีผลเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นต่อกันโดยตรง มิใช่เป็นการโอนหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๐๖ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเอาทรัพย์ดังกล่าวจากจำเลยโดยไม่ต้องมีการบอกกล่าวแจ้งการโอนเมื่อโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาตัวทรัพย์ โจทก์จะเจาะจงเรียกเอาแต่ราคาทรัพย์นั้นอย่างเดียว โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่อาจจะคืนทรัพย์ได้ด้วยเหตุใดนั้นไม่ได้แม้โจทก์จะเรียกเอาแต่ราคาทรัพย์ก็มีผลเหมือนกับเรียกเอาตัวทรัพย์ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์แก่โจทก์เสียก่อนได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ร่วมกันคืนเครื่องปรับอากาศ "ฮ้อทพ๊อยท์" รายพิพาท ๗ เครื่องแก่โจทก์ถ้าไม่สามารถคืนได้ก็ให้ใช้ราคาเป็นเงินเครื่องละ ๑๐,๖๔๐ บาท นอกจากที่แก้ให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์