ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฎีกาคดีสิ่งแวดล้อม: ทุนทรัพย์, การกล่าวแก้เรื่องกรรมสิทธิ์, และอำนาจศาลในการเพิกถอนคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่เสียเกินมา 200 บาท เนื่องจากทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยมีเพียง 115,219 บาท จำเลยยื่นฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้รับรองฎีกา ศ. ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองฎีกา และให้ส่งคำร้องไปให้ ส. ผู้พิพากษาองค์คณะพิจารณา ในระหว่างนั้นทนายจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขทุนทรัพย์ โดยอ้างว่าคดีนี้จำเลยกล่าวแก้เรื่องกรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ รวมทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 562,069 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาคดีและมีคำสั่งที่ผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเห็นว่าทุนทรัพย์เกิน 200,000 บาท จึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิม และมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยโดยไม่ต้องส่งคำร้องขอให้รับรองฎีกาให้ ส. พิจารณาสั่งอีก ซึ่งในข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การจำเลยมิได้เป็นการกล่าวแก้เรื่องกรรมสิทธิ์ คดีจึงมีทุนทรัพย์ที่พิพาทเฉพาะค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 จำนวน 71,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจึงไม่ชอบเนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง ศาลฎีกามีอำนาจเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งรับฎีกาดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 247 ให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องที่จำเลยขอให้ศาลรับรองฎีกาไปให้ผู้พิพากษาซึ่งมีชื่อตามคำร้องพิจารณาว่ามีเหตุสมควรรับรองให้ฎีกาต่อไป