โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 14 มีนาคม 2536 เวลา กลางคืนหลัง เที่ยง จำเลย ใช้ อาวุธปืน เล็ก กล ขนาด .223 (5.56 มม.) ยิงนางสาว กิตติยา นาเมือง ผู้ตาย หลาย นัด โดย เจตนาฆ่า กระสุนปืน ถูก ที่ แขน ซ้าย เต้านม ซ้าย และ กลาง หลัง เป็นเหตุ ให้ ผู้ตาย ถึงแก่ความตายเหตุ เกิด ที่ ตำบล สะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัด ยะลา ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และ ริบ ปลอก กระสุนปืนลูกกระสุนปืน และ เศษ ลูกกระสุนปืน ของกลาง คืน ของกลางอื่น แก่ เจ้าของ
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 18 ปี ริบ ปลอก กระสุนปืนหัว กระสุนปืน และ เศษ หัว กระสุนปืน ของกลาง คืน ของกลาง อื่น แก่ เจ้าของ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย เคย ประกอบคุณงามความดี และ คำให้การ จำเลย เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณามีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก 12 ปี นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ของศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า ตาม วัน เวลา เกิดเหตุดัง ฟ้อง จำเลย ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย เป็นเหตุ ให้ ผู้ตาย ถึงแก่ความตายปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา จำเลย ข้อ แรก มี ว่า การ ที่ จำเลย ยิง ผู้ตายเป็น การกระทำ โดย บันดาลโทสะ หรือไม่ เห็นว่า จำเลย กับ ผู้ตายซึ่ง เป็น สามี ภริยา ทะเลาะ กัน อยู่ เสมอ เนื่องจาก ความ หึงหวงโดย ผู้ตาย เคย ด่า ว่า และ ทุบตี จำเลย เป็น ประจำ ดังนั้น ลำพัง การ ที่ผู้ตาย ด่า ว่า จำเลย ใน วันเกิดเหตุ และ ขอ หย่า กัน เรียกร้อง จาก จำเลยจึง ไม่ใช่เหตุ ข่มเหง อย่างร้ายแรง ด้วย เหตุ อัน ไม่เป็นธรรม การ ที่ จำเลยใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย จึง ไม่เป็น การกระทำ โดย บันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
พิพากษายืน