โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกะสุนปืน ๒ นัดไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ๒๔๗๗ ม.๑๑,๕๒ แต่ปรากฎว่ากะสุนปืนนั้นด้านยิงไม่ออก และโจทก์ไม่สืบพะยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กฎหมายประสงค์ลงโทษผู้มีกะสุนปืนชะนิดที่ใช้เป็นประโยชน์ในการยิงได้ คดีนี้จึงไม่เรียกว่าจำเลยมีกะสุนตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา ๔ ตอน ๒ กินความถึงชะนวนหรือปลอก หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเครื่องกะสุนปืนด้วย จึงพิพากษาลงโทษจำเลย
แต่มีผู้พิพากษานานหนึ่งทำความเห็นแย้งว่าเป็นกะสุนปืนที่ยิงไม่ได้แล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิด
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกะสุนปืน การฟ้องเช่นนี้ย่อมแสดงความมุ่งหมายว่าเป็นกะสุนปืนที่ใช้ยิงได้ แต่กลับปรากฎว่าเป็นกะสุนด้านใช้ยิงไม่ได้ เป็นอันฟังข้อเท็จจริงไม่ได้ตามฟ้อง ส่วนวิเคราะห์ศัพท์ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ม.๔ ตอน ๒ ก็เป็นวิเคราะห์ศัพท์ว่าด้วย เครื่องกะสุนปืนซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องกล่าวหา แม้จะถือว่ากะสุนปืนด้านเป็นเครื่องกะสุนปืน ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์