โจทก์ฟ้องว่า (ก) จำเลยบังอาจยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองและในหมู่บ้านอันเป็นชุมนุนชน (ข) จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนขู่เข็ญบังคับผู้เสียหายและผู้ตายให้นั่งอยู่กับที่ทำให้บุคคลเหล่านั้นตกใจกลัวต้องกระทำตามที่ถูกบังคับขู่เข็ญ และ (ค) ในระหว่างที่จำเลยขู่เข็ญบังคับผู้เสียหายและผู้ตายอยู่นั้น ผู้ตายได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง จำเลยได้บังอาจใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนาจะฆ่าหรือมิฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธปืนบังคับขู่เข็ญผู้ตายกับพวกโดยมิได้มีเจตนาจะฆ่า แต่จำเลยได้จ้องเล็งอาวุธปืนนั้นโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้อาวุธปืนลั่นออกไปถูกผู้ตายตายขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๗๖, ๓๙๒, ๒๘๘, ๒๙๑, ๓๓
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องข้อ (ก) (ข) แต่ข้อ (ค) รับสารภาพว่ากระทำโดยประมาท ปฏิเสธในข้อหาฐานใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนา
คู่ความไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๖, ๓๙๒ ให้ปรับ ๒๐๐ บาท ๓๐๐ บาทตามลำดับ จำเลยให้การสารภาพลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่งคงปรับ ๒๕๐ บาท ให้ยกฟ้องข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือทำให้คนตายโดยประมาท เพราะฟ้องขัดกันอย่างชัดแจ้งและเคลือบคลุม
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลาย ที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือมิฉะนั้นก็กระทำผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทโดยชัดแจ้ง แสดงว่าฟ้องมีความประสงค์จะให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือมิฉะนั้นก็ขอให้ลงโทษฐานทำให้คนตายโดยประมาท ประกอบกับฟ้องได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงที่อ้างว่าจำเลยกระทำเป็นท้องเรื่องมาครบถ้วนชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) แล้ว ตามคำพิพากษาฎีกาซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ที่ ๘๖/๒๕๐๓ ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เคลือบคลุมไม่ขัดแย้งกัน หรือเอาเปรียบจำเลย จำเลยเข้าใจฟ้องได้ดี จึงให้การรับสารภาพว่า ทำให้คนตายโดยประมาทดังฟ้อง พิจารณาเฉพาะที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงที่มีความประสงค์จะให้ลงโทษฐานทำให้คนตายโดยประมาท ก็เป็นฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ อันสมบูรณ์ดังคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๘๐/๒๔๙๗ เมื่อจำเลยรับสารภาพเกี่ยวกับความผิดฐานนี้ ก็ลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๙๑ อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก ๘ ปี ลดโทษตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลล่าง