ตามฟ้อง คำให้การที่คู่ความแถลงรับกันได้ความว่า จำเลยได้จดทะเบียนสิทธิเก็บกินสวนพิพาทให้โจทก์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๓ และโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองและไม่เคยใช้สิทธิเก็บกินในที่สวนแปลงพิพาทเลยนับแต่วันจดทะเบียนจนทุกวันนี้ ๗ - ๘ ปี แล้ว โดยผ่านจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองและเก็บกินอยู่ตลอดมา บัดนี้ โจทก์ต้องการจะใช้สิทธิเก็บกินบ้าง จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้สิทธิครอบครองและเก็บกินมาเกิน ๑ ปีแล้ว คดีขาดอายุความ
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ต่างขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยแย่งการครอบครองจากโจทก์ เป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่จัดการกับจำเลยจนเกินกว่า ๑ ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๗๔-๑๓๗๕ พิพากษายกฟ้อง
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๗๔ มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะไม่ใช่โจทก์ถูกจำเลยแย่งสิทธิการครอบครองที่พิพาท แต่เป็นเรื่องโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเก็บกินซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วตามกฎหมาย แม้ไม่มีกฎหมายระบุไว้โดยตรงเกี่ยวกับอายุความเรียกร้องบังคับตามสิทธิเก็บกิน ก็ชอบที่จะนำหลักอายุความทั่วไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๔ มาใช้ คือ ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ให้ถืออายุความ ๑๐ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เห็นควรพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
โจทก์อุทธรณ์ว่า คดีไม่ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์มีข้อวินิจฉัยทำนองเดียวกับความเห็นแย้งของศาลชั้นต้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับ ให้จำเลยยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเก็บกินในที่ดิน โฉนดของเลขที่ ๖๐๑๐ ตามฟ้อง ไปจนตลอดชีวิต ของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องขัดขวางในการที่โจทก์จะใช้สิทธิเก็บกิน
จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๗๔-๑๓๗๕ และ ๑๔๒๘
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ถูกรบกวนหรือถูกแย่งการครอบครอง เพราะโจทก์ยังไม่เคยได้เข้าไปครอบครองและใช้สิทธิเก็บกินในที่สวนพิพาทตามที่ได้จดทะเบียนสิทธิไว้ จึงยกอายุความ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๗๔-๑๓๗๕ มาใช้บังคับไม่ได้ และกรณีก็ไม่เข้ามาตรา ๑๔๒๘ ดังที่จำเลยเถียงในฎีกา เพราะสิทธิเก็บกินตามที่จดทะเบียนไว้นั้น โจทก์ยังไม่ได้เริ่มต้นเข้าไปครอบครอง และใช้สิทธิเก็บกินในที่พิพาทเลย ความสิ้นสุดของสิทธิเก็บกินระหว่างเจ้าของทรัพย์สินกับผู้ทรงสิทธิเก็บกินตามมาตรา ๑๔๒๘ ส่วนการที่โจทก์เพิกเฉย ถึง ๗ - ๘ ปี แล้ว มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้มอบการครอบครองให้โจทก์เพื่อใช้สิทธิเก็บกินตามที่ได้จดทะเบียนสิทธิไว้นั้น จะขาดอายุความหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเช่นนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยตรงว่า สิทธิเรียกร้องขอให้บังคับตามสิทธิเก็บกินนี้มีอายุความฟ้องร้องเท่าใด จึงต้องใช้หลักอายุความทั่วไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๔ คือ ๑๐ ปี คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาพิพากษายืน