โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ผู้ตายขู่เข็ญเอาเงินจากจำเลย จำเลยไม่ให้ ผู้ตายทำร้ายจำเลยและภรรยาจำเลย จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปีริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการบันดาลโทสะ และไม่เป็นการป้องกันตัว พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก 18 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีฟังได้ตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ ผู้ตายซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ได้มาซื้อสุราจากร้านจำเลยดื่มดื่มสุราแล้วเข้าไปแย่งตะไกรจากนางหริ่งซึ่งกำลังตัดผมให้จำเลยอยู่หน้าร้านจะตัดผมให้จำเลยเองทั้งผู้ตายขอเงินจากจำเลยโดยไม่ปรากฏเหตุที่จำเลยจะต้องให้เงินแก่ผู้ตาย กับผู้ตายยังอ้างว่า ผู้ตายซื้อสลากกินรวบจากจำเลยแล้วถูกรางวัลแต่จำเลยไม่จ่ายเงินให้ จึงเกิดโต้เถียงกันและผ้าขาวม้าที่จำเลยนุ่งหลุด จำเลยวิ่งเข้าห้อง แต่ขณะนั้นเองผู้ตายจับแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อนางหริ่งภรรยาจำเลยขอเงินนางหริ่งอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายดังข้อต่อสู้ของจำเลย แต่เห็นว่าตามพฤติการณ์ที่ผู้ตายได้กระทำต่อจำเลยและนางหริ่งดังกล่าวมา จำเลยและนางหริ่งถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยได้ยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จึงควรได้รับความปรานีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ปืน กระสุนปืน และแหนบกระสุนปืนของกลางคืนให้จำเลยไป