โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นผู้บังคับบัญชาของนายเกศสิริ แย้มวจีและนายวินัย สมบัติศิริพนักงานประปา มีหน้าที่ควบคุมดูแลให้บุคคลทั้งสองปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามระเบียบและข้อบังคับของโจทก์เกี่ยวกับการรับเงินค่าใช้น้ำตลอดจนควบคุมการรับและจ่ายบิลไปเก็บเงินค่าน้ำตามระเบียบของโจทก์ ปรากฏว่านายเกศสิริกับนายวินัยได้ยักยอกเงินค่าน้ำของโจทก์ไป ทั้งนี้โดยจำเลยทั้งสี่ได้ประมาทเลินเล่อละเลยต่อหน้าที่ ขอให้บังคับจำเลยทั้งนี่ร่วมกันใช้เงินที่ถูกยักยอกไปพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่ามิได้ประมาทเลินเล่อ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ทราบเรื่องการละเมิดและผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่วันที่ผู้ว่าการประปานครหลวงได้รับรายงานจากหน่วยงานตรวจสอบภายใน การที่โจทก์ตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นภายหลังเพื่อหาตัวบุคคลที่จะต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์อีกนั้นเป็นวิธีปฏิบัติภายในของโจทก์ ทำขึ้นเพื่อหาทางขยายอายุความออกไปอีก โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์แล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่น พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์รู้เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๑๕ ว่าผู้ที่ทำละเมิดซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคือนายเกศสิริและนายวินัย โจทก์ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีผู้บังคับบัญชาของบุคคลทั้งสองคนใดบ้างที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของบุคคลทั้งสอง โดยโจทก์ทราบผลการสอบสวนเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๑๖ ว่าจำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้บังคับบัญชาของบุคคลทั้งสองจะต้องร่วมรับผิดด้วย และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๗ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๑๖ อันเป็นวันที่โจทก์ทราบผลของการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๗ คดีโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี