โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้ากองข้าวสาร จำเลยที่ 2ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคลังสินค้าข้าวสาร จำเลยที่ 3 ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในฐานะผู้ช่วยหัวหน้าคลังสินค้า จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานของโจทก์อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการรับจ่ายข้าวสาร และมีหน้าที่ควบคุมฝึกสอนจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 พนักงานลูกจ้างชั่วคราวของโจทก์ให้ปฏิบัติงานดังกล่าว จำเลยทั้งเจ็ดคนได้ร่วมกับพวกปลอมเอกสารทั้งฉบับ และใช้เอกสารปลอมขอรับข้าวสารไปจากคลังสินค้ากลาง 1 ธนบุรี รวม 19,497 กระสอบ และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 7 ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมขอรับสินค้าไปจากคลังสินค้ากลาง 2 ธนบุรี รวม 440 กระสอบ หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งหมดได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายตามใบสั่งจ่ายสินค้าพร้อมด้วยเงื่อนไขให้คลังสินค้าทั้งสองแห่งทราบเพื่อตรวจสอบและไม่ควบคุมการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ให้ปฏิบัติตามระเบียบ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ไม่ปฏิบัติตามระเบียบในการสั่งจ่ายสินค้า การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ทำให้โจทก์เสียหายเป็นเงิน 6,141,495 บาท และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ทำให้โจทก์เสียหายอีก 143,000 บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่าไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในแผนกคลังสินค้าข้าวสารไม่ได้ร่วมกับจำเลยอื่นปลอมใบสั่งจ่ายสินค้า จำเลยที่ 1 ได้ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เซ็นสั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายสินค้าไปให้แผนกคลังสินค้าแล้ว การไม่มีตัวอย่างลายเซ็นไม่ใช่ต้นเหตุที่จะทำให้ข้าวสารหายไป
จำเลยที่ 2 ให้การว่าไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายข้าวสารในคลังสินค้าข้าวสาร ไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 รับผิดชอบในเรื่องจ่ายสินค้าข้าวสาร ไม่ได้ปลอมใบสั่งจ่ายสินค้า ทางคลังสินค้าไม่มีตัวอย่างลายเซ็น จึงไม่มีทางตรวจสอบใบสั่งจ่ายสินค้าได้ จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานผู้น้อย ไม่อยู่ในวิสัยที่จะเตือนหรือทักท้วงได้
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยไม่มีหน้าที่ตรวจสอบใบสั่งจ่ายสินค้าข้าวสารเป็นหน้าที่ของจำเลยอื่นและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในแผนกข้าวสารจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยอื่น
จำเลยที่ 4 ให้การว่า มีหน้าที่ฝึกสอนให้จำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7ปฏิบัติหน้าที่จริง แต่ไม่มีหน้าที่ควบคุมจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 จำเลยที่ 4 ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว หากใบสั่งจ่ายสินค้าปลอม จำเลยที่ 4 ก็ไม่ต้องรับผิดเพราะรายการปลอมไม่สามารถเห็นชัดเจน
จำเลยที่ 5 ที่ 6 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 7 ให้การว่า จำเลยที่ 7 มิได้ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมไปขอรับข้าวสารจากคลังสินค้า จำเลยที่ 7 ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบแล้ว ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์
จำเลยทุกคนให้การต่อสู้ด้วยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมและไม่ขาดอายุความจำเลยทั้งเจ็ดไม่ได้ร่วมกันปลอมหรือใช้ใบสั่งจ่ายสินค้าปลอม จำเลยที่ 1ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 มิได้ประมาทเลินเล่อ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ประมาทเลินเล่อที่มิได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรับจ่ายและเก็บสินค้าของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 6,141,495 บาท จำเลยที่ 4 ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 195,000 บาท พิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 6,141,495 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ 4ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในวงเงิน 195,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7
โจทก์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตามระเบียบของโจทก์ จำเลยที่ 1มีหน้าที่ต้องส่งตัวอย่างลายเซ็นไปให้แผนกคลังสินค้าซึ่งมีจำเลยที่ 2ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าคลังสินค้ามีจำเลยที่ 3 เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 4 เป็นผู้ฝึกสอนให้จำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ปฏิบัติหน้าที่รับจ่ายสินค้าตามใบสั่งจ่ายสินค้า จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายสินค้าในใบเบิกสินค้าไปให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีหน้าที่ควบคุมการให้จำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 เบิกจ่ายสินค้าตามใบสั่งจ่ายสินค้า
วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่ายตามใบสั่งจ่ายสินค้าไปให้คลังสินค้ากลางทั้งสองทราบ การที่จำเลยที่ 1 ฝ่าฝืนระเบียบ ไม่ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่ายให้คลังสินค้ากลางทั้งสองแห่งทราบเพื่อตรวจสอบลายเซ็น ก็ไม่เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้มีบุคคลปลอมลายเซ็นของผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่าย มาขอรับข้าวสารของโจทก์รายนี้ไป จึงจะถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายเพราะเหตุนี้หาได้ไม่
สำหรับจำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 นั้น ขณะเมื่อจำเลยที่ 4 ทำหน้าที่ฝึกสอนจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ไม่มีตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายตามใบสั่งจ่ายสินค้าอยู่ที่คลังสินค้ากลางทั้งสองแห่ง แสดงว่าหัวหน้าคลังสินค้ากลางทั้งสองแห่งซึ่งมีหน้าที่ต้องตรวจลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายตามใบสั่งจ่ายสินค้า และเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบงานของพนักงานทุกตำแหน่งที่ปฏิบัติงานอยู่ในคลังสินค้า มิได้ทักท้วงให้จำเลยที่ 1 ส่งตัวอย่างลายเซ็นของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายมา จึงไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ซึ่งเป็นพนักงานชั้นผู้น้อย ซึ่งมีหน้าที่เขียนใบจ่ายสินค้าตามใบสั่งจ่ายสินค้า จะต้องทักท้วงให้จำเลยที่ 1 ส่งตัวอย่างลายเซ็นของบุคคลผู้มีอำนาจเซ็นชื่อในใบสั่งจ่าย การฝึกสอนที่จำเลยที่ 4ได้ให้แก่จำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 จึงมีเพียงเท่าที่จำเลยที่ 4 ปฏิบัติอยู่ คือตรวจรายการในใบสั่งจ่ายสินค้า ว่ามีรายการครบถ้วนหรือไม่ และดูลายเซ็นชื่อจากลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายเก่า ๆ เมื่อเรียบร้อยก็จ่ายสินค้าไปดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 4 ที่จ่ายสินค้าไปผิดระเบียบว่าด้วยการจ่ายฉบับหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้จำเลยที่ 4 ต้องรับผิดในเงินจำนวนนี้แล้ว
ส่วนจำเลยที่ 2 มีหน้าที่จะต้องตรวจลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายสินค้าข้าวสาร การไม่มีลายเซ็นชื่อของผู้มีอำนาจสั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายสินค้าที่แท้จริงไว้เพื่อตรวจสอบโดยจำเลยที่ 2มิได้เรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้ากองข้าวสารส่งตัวอย่างลายเซ็นมา ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวอันเป็นการประมาทเลินเล่อมาแต่ต้นแล้ว ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2จะได้มอบหมายให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ทำหน้าที่ตรวจลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายในใบสั่งจ่ายสินค้าข้าวสารแทน จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนชอบด้วยระเบียบได้ เมื่อมีเหตุละเมิดเกิดขึ้นเนื่องจากมีบุคคลปลอมลายเซ็นของผู้มีอำนาจเซ็นสั่งจ่าย และจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ก็เขียนใบจ่ายสินค้าไป โดยตรวจดูลายเซ็นชื่อผู้สั่งจ่ายเทียบกับลายเซ็นในใบสั่งจ่ายเก่า ๆ ที่ยื่นมาเพราะไม่มีตัวอย่างลายเซ็นที่แท้จริงไว้ตรวจสอบ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
จำเลยที่ 2 จึงปัดความรับผิดหาได้ไม่ และจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ช่วยหัวหน้าคลังสินค้า (จำเลยที่ 2) ได้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุม ตรวจตราใบสั่งจ่ายสินค้าและรับจ่ายข้าวสารด้วย จำเลยที่ 3 จึงปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
พิพากษายืน