จำเลยต้องหาว่าปล้นทรัพย์ คดีถึงที่สุดศาลลงโทษจำคุกจำเลย ๑๐ ปี ศาลชั้นต้นจึงออกหมายแดงแจ้งโทษจำเลยตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๗๘ ซึ่งเป็นวันที่จำเลยต้องขังตามฟ้อง  ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยถูกจับคุมขังที่เรื่อนจำจังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๗๘  และจำเลยถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์หาว่าปล้นทรัพย์ ๓ คดี  แต่ศาลยกฟ้องทั้งหมดทุกคดี  จึงขอให้ศาลแก้หมายแดงแจ้งโทษจำเลยเป็นตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๗๘
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามกฎหมายอาญา ม.๓๒  ถ้าในคำพิพากษามิได้มีข้อความสั่งประการใดในเรื่องนับกำหนดโทษแล้วก็ต้องนับโทษจำเลยแต่วันที่จำเลยต้องคุมขังในคดีเรื่องนี้น ในคดีนี้คำพิพากษามิได้สั่งอย่างไรในเรื่องนับกำหนดโทษ  ฉะนั้นจำเลยต้องขังมาในคดีนี้ตั้งแต่เมื่อใดก็ต้องนับตั้งแต่วันนั้น  คดีนี้โจทย์รับในอุทธรณ์ของโจทย์เองว่า โจทย์ได้รับตัวจำเลยควบคุมในเรื่องนี้  เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๗๘  จึงต้องถือว่าจำเลยถูกควบคุมในคดีมาแต่วันนั้น  ซึ่งตามกฎหมายอาญา ม.๓๒ ตัองหักให้จำเลยด้วยจึงพิพากษาให้แก้หมายแจ้งโทษจำเลยนับกำหนดโทษตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๗๘  เป็นต้นไป