โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336, 336 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 11) ลงวันที่21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 13 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรกประกอบมาตรา 336 ทวิ ให้จำคุก 6 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายืน จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ผู้เสียหายกับเพื่อนได้เดินทางไปตลาดศิริวัฒนาเพื่อซื้อกับข้าวขณะเดินกลับจะเข้าหอพักวิทยาลัยครูเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมชวาลา คนร้ายเดินตามผู้เสียหายแล้วกระชากสร้อยคอผู้เสียหายวิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ คนร้ายสตาร์ตเครื่องรถ แต่เครื่องไม่ติด ผู้เสียหายไปจับคนร้ายเพื่อนผู้เสียหายร้องขอให้คนช่วย มีคนมาช่วยจับคนร้าย แต่คนร้ายสะบัดหลุดและหลบหนีไปได้ ส่วนสร้อยคอของผู้เสียหายนั้นคนร้ายทำตกไว้ที่ท้ายรถจักรยานยนต์นั่นเอง ร้อยตำรวจเอกธวัชชัย มวญนราได้รับแจ้งจากศูนย์วิทย์นครพิงค์ว่ามีคนร้ายกระชากสร้อยคอผู้เสียหายที่บริเวณหน้าวิทยาลัยครูเชียงใหม่ คนร้ายทิ้งรถจักรยานยนต์พร้อมสร้อยคอของผู้เสียหายไว้ในที่เกิดเหตุแต่วันนั้นจับกุมคนร้ายไม่ได้รุ่งขึ้นจับจำเลยได้ที่บ้านพักเหตุที่จับได้เพราะตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุจึงทราบว่าเป็นของจำเลย ผู้เสียหายชี้ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้าย ขณะนั้นจำเลยมีทรงผมตามภาพถ่ายประจำตัวของจำเลยแต่ในวันพิจารณาคดี จำเลยเปลี่ยนทรงผมเป็นไว้ผมสั้น มีปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อผู้เสียหายจำคนร้ายที่อยู่ในห้องพิจารณาไม่ได้ ภายหลังโจทก์ให้จำเลยแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้ผู้เสียหายและพยานโจทก์ชี้ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายนั้นไม่ชอบโจทก์จึงไม่มีประจักษ์พยานที่จะฟังลงโทษจำเลยได้นั้น เห็นว่าการที่ผู้เสียหายเบิกความว่า ในห้องพิจารณานี้ไม่มีคนร้ายต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้ผู้เสียหายดูผู้เสียหายดูรูปแล้วจำได้ว่าคนร้าย จึงยืนยันว่าในวันเกิดเหตุคนร้ายไว้ทรงผมดังเช่นที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชนไม่ได้ไว้ทรงผมเหมือนในวันพิจารณาคดีซึ่งเป็นทรงผมสั้น ฉะนั้นการที่ผู้เสียหายจำจำเลยไม่ได้เป็นเพราะจำเลยได้เปลี่ยนทรงผมจากทรงผมยาวเป็นทรงผมสั้น ครั้นเมื่อได้ดูรูปในบัตรประจำตัวของจำเลยแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับคนร้ายที่กระชากสร้อยคอของผู้เสียหายไป นางสาวบุญศรี เป็งลิมูล เมื่อดูรูปในบัตรประจำตัวประชาชนของจำเลยแล้วยืนยันเช่นเดียวกับผู้เสียหายซึ่งศาลฟังเป็นพยานประกอบกับข้อที่พยานโจทก์ยืนยันตั้งแต่แรกแล้วว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ยืนอยู่ข้างถังขยะหน้าโรงแรมชวาลาผู้เสียหายและนางสาวบุญศรีมีโอกาสเห็นหน้าจำเลยได้ชัดเจนเพราะขณะนั้นเป็นเวลา 18 นาฬิกา ของเดือนสิงหาคม และไม่มีอะไรปิดกั้น แสงสว่างในบริเวณที่เกิดเหตุจึงมีเพียงพอที่ผู้เสียหายและนางสาวบุญศรีจะจำจำเลยได้ และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุได้พบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ทิ้งไว้เมื่อตรวจสอบแล้วทราบว่าเป็นรถของจำเลยและติดตามจับกุมจำเลยได้ในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาให้ทราบจำเลยให้การรับสารภาพ ตามบันทึกการจับกุม ต่อมาพนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายและนางสาวบุญศรีชี้ตัวคนร้าย โดยให้จำเลยยืนปะปนกับคนอื่นประมาณ 8 คน ผู้เสียหายและนางสาวบุญศรีชี้ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้าย พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน