โจทก์กล่าวฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานดูเงินแผนกคลังจังหวัดสิงห์บุรี มีหน้าที่เก็บรักษาเงินคงเหลือวันหนึ่ง ๆ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2497 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันคลังจังหวัดฯ สั่งให้จำเลยนำเงินคลังนอก 62,319.10 บาท ประจำวันที่ 29 เมษายน 2497 เข้าเก็บในกำปั่น แล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตบังอาจยักยอกเงินที่จำเลยเก็บรักษานี้ไป 10,000 บาท (จำเลยได้นำเงินที่ยักยอกนี้คืนแล้ว) ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 ที่แก้ไข
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันลงโทษจำคุกจำเลย2 ปี ตามตัวบทกฎหมายที่ฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องของโจทก์กล่าวไว้เข้าใจได้เพียงว่าวันที่ 29 เมษายน 2497 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน คลังจังหวัดสิงห์บุรีได้สั่งให้จำเลยนำเงินคลังนอกของรัฐบาลจำนวน62,319.10 บาท ประจำวันที่ 29 เมษายน 2497 เข้าไปเก็บในกำปั่นคลังนอกแล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตบังอาจยักยอกเงินที่จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเป็นเงิน 10,000 บาท ฯลฯแต่โจทก์ไม่ได้กล่าวระบุวันเวลาไว้ในฟ้องว่าจำเลยได้คิดทุจริตยักยอกเอาเงินจำนวน 10,000 บาท นั้นไว้วันใด เดือนใด เวลาใดและจะพิเคราะห์ตีความเอาว่าโจทก์หมายเอาวันที่ 29 เมษายน 2497 นั้นเองเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดก็ไม่ได้เพราะไม่มีข้อความตอนใดที่จะให้เข้าใจได้ดังนั้นแม้แต่วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยยักยอกก็ไม่ปรากฏในฟ้องฉะนั้นฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 117/2492 ระหว่างอัยการจังหวัดสงขลาโจทก์ นายชิ้วเอี่ยน ช่วยชาติ จำเลย
จึงพิพากษากลับยกฟ้องโจทก์