ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และการแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้องตามสิทธิ
ศาลแรงงานภาค 2 พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยของต้นเงินค่าชดเชยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แก่โจทก์ โดยให้เหตุผลว่าโจทก์ฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 จึงกำหนดให้จำเลยรับผิดเสียดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 52 นั้น เป็นกรณีที่ศาลแรงงานภาค 2 เห็นสมควรเพื่อความเป็นธรรมแก่คู่ความที่สมควรได้รับดอกเบี้ยตามกฎหมาย จึงชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 52 แล้ว
ศาลแรงงานภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่าการกระทำของโจทก์นั้นจำเลยไม่ได้รับความเสียหายและจำเลยมิได้มีส่วนได้เสียในผลกำไรขาดทุนในการขนส่งสินค้าระหว่าง ม. กับ บ. ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีพฤติกรรมเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงานไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกับ ม. อันเป็นลักษณะการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง จากพฤติการณ์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดอาญาฐานฉ้อโกงอันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่จำเลย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง (1)
เมื่อศาลแรงงานภาค 2 วินิจฉัยให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน ของค่าจ้างอัตราเดือนละ 39,912 บาท คิดเป็นค่าชดเชย 239,472 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 วรรคหนึ่ง (3) แต่พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 239,432 บาท แก่โจทก์ ซึ่งไม่ตรงกับส่วนวินิจฉัยและไม่ถูกต้องตรงตามสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) , 246 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31