คดีนี้ โจทก์ฟ้องมีความสำคัญว่า จำเลยทั้งสามได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวของโจทก์เพื่อการค้ามาจากบิดาของจำเลย บัดนี้ สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป จึงมีหนังสือบอกเลิกการเช่า ให้จำเลยออกไป จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่ไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยคำบอกกล่าวตามสำเนาท้ายฟ้องหากมีก็เป็นเอกสารที่กระทำโดยมิชอบในภายหลัง และไม่เคยส่งคำบอกกล่าวและต่อสู้ในข้ออื่น ๆ
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้วและเห็นว่าข้อต่อสู้อื่น ๆ ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาว่า การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยทราบล่วงหน้า ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566หรือไม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้ออุทธรณ์ว่าการบอกกล่าวของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นและมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่รับวินิจฉัยให้ คงพิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาในปัญหาเดียวกันนี้อีก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยคงมีเพียงว่าโจทก์ไม่เคยส่งคำบอกกล่าวแก่จำเลยและคำบอกกล่าวท้ายฟ้องได้กระทำขึ้นเองโดยมิชอบในภายหลังหาได้ต่อสู้ว่า โจทก์ได้บอกกล่าวจำเลยแต่เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ให้โอกาสจำเลยรู้ตัวก่อนชั่วระยะเวลาเก็บค่าเช่าระยะหนึ่งไม่ ปัญหาที่จำเลยฎีกามาจึงมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจะรับไว้วินิจฉัยไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ให้ยกฎีกาจำเลย