โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินแก่ธนาคารแห่งอเมริกาจำนวนเงิน  61,656  บาท  กำหนดวันถึงกำหนดใช้เงินครั้งแรกวันที่  5พฤษภาคม  2508  จำนวน  3,425.35  บาท  และต่อไปเป็นรายเดือนอีก 17  ครั้ง ๆ ละ  3,425.35  บาท  ภายในวันที่  5  ของทุกเดือน จนถึงวันที่5  ตุลาคม  2509  ถ้าผิดสัญญาผ่อนชำระเมื่อถึงกำหนดจะต้องนำเงินที่ค้างชำระทั้งหมดมาจ่ายทันที และตามกำหนดที่ผู้ถือสัญญาจะใช้เงินจะระบุ โดยไม่ต้องทำคำเตือนล่วงหน้า นายดับบลิว เจ.เอช.บาเก ผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกันการใช้เงินต่อมาวันที่  29  พฤษภาคม  2508 ผู้เสียหายกับจำเลยตกลงกันจะให้ผู้เสียหายถอนออกจากการเป็นผู้ค้ำประกันรับประกันการใช้เงิน และในระหว่างที่จำเลยดำเนินการเพื่อหาประกันใหม่จำเลยมอบรถยนต์คันหมายทะเบียนที่ ก.ท.ว.2302  พร้อมด้วยเอกสารการซื้อขายรถยนต์ซึ่งจำเลยได้ใช้เงินที่ได้มาจากการออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวซื้อจากเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครรัฐทูตอเมริกาให้อยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายเพื่อเป็นประกัน ผู้เสียหายได้มอบรถยนต์คันนั้นให้อยู่ในความครอบครองของสิบตำรวจเอกกมลและมอบเอกสารการซื้อขายให้อยู่ในความครอบครองของนาย อี.ไซเลอร์ วันที่  31  พฤษภาคม  2508  จำเลยกระทำโดยทุจริตหลอกลวงนายอี.ไซเลอร์  ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าผู้เสียหายให้นายอี.ไซเลอร์ มอบเอกสารการซื้อขายรถให้แก่จำเลยเพื่อนำไปเจรจากับผู้เสียหาย และในวันเดียวกันนั้นจำเลยทุจริตหลอกลวงสิบตำรวจเอกกมลด้วยการแสดงข้อความเท็จว่าผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยนำรถไปใช้ โดยการหลอกลวง จำเลยได้ไปซึ่งเอกสารการซื้อขายและรถยนต์ ความจริงผู้เสียหายไม่ได้ให้นายอี.ไซเลอร์ มอบเอกสารการซื้อขายรถ ไม่ได้อนุญาตให้จำเลยนำรถไปใช้ การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแก่ธนาคารแห่งอเมริกาเป็นเงิน  58,230.65  บาท  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และขอให้จำเลยคืนรถยนต์และเอกสารการซื้อขายรถดังกล่าวหรือใช้เงินจำนวนดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341  จำคุกจำเลยมีกำหนด  4  เดือน  ให้จำเลยคืนรถยนต์กับเอกสารหรือใช้เงิน ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ เอกสารการซื้อรถและรถยนต์รายพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสิ้น จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคาร ผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินและระหว่างนั้นจำเลยก็กำลังผ่อนชำระเงินให้แก่ธนาคารแห่งอเมริกาอยู่ การที่จำเลยยอมทิ้งรถไว้ที่บริษัทผลิตผลภัณฑ์หินไทย จำกัด ยอมมอบกุญแจอะไหล่ 1 ลูก  และเอกสารการซื้อรถให้ผู้เสียหายไว้ก็ด้วยความเกรงใจผู้เสียหายไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดเอกสารการซื้อรถและรถรายพิพาทไว้ภายหลังเมื่อจำเลยกลับใจ ย่อมมีสิทธิมาเอารถของจำเลยไป และมีสิทธิไปขอเอกสารของจำเลยจากนายอี.ไซเลอร์ ผู้รักษาไว้การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ต่อมาภายหลังผู้เสียหายชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ค้างผ่อนชำระ ก็เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายจะได้ไปดำเนินการฟ้องร้องไล่เบี้ยเอาจากจำเลยในทางแพ่ง
พิพากษายืน