โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินไปจากโจทก์ 1,500,000บาท โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 นำที่ดิน รวม 4 โฉนดมาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์เพื่อประกันโดยรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันนำต้นเงิน 700,000 บาท มาชำระให้โจทก์โดยยังไม่มีการคิดดอกเบี้ย จำเลยทั้งสามยังคงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในต้นเงิน 800,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินต้นที่ค้าง 800,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินต้นที่ค้าง 800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และไถ่ถอนจำนองที่ดินตามฟ้อง หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระ ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดหากยังไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้นำที่ดินรวม 4 โฉนดตามฟ้องไปจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะกู้เงินโจทก์หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 นำเงิน700,000 บาทไปไถ่จำนองที่ดินจากโจทก์ออกมา 1 แปลง ต่อมา ทราบจากจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กู้ยืมและรับเงิน 1,500,000 บาทตามฟ้องไปจากโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันใช้เงิน800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ไม่ชำระหนี้ให้บังคับจำนองนำที่ดินออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนกว่าจะครบจำนวน ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายในบทบัญญัติแห่งอายุความ คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3ว่าการที่โจทก์นำสืบว่าการยืมเงินมีมูลหนี้เดิมมาจากการซื้อขายรถยนต์เมอร์ซีเดสเบ้นซ์เป็นการนำสืบนอกประเด็นหรือไม่ และจำเลยที่ 2 และที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วสำหรับปัญหาที่ว่าโจทก์นำสืบว่าการยืมเงินมีมูลหนี้เดิมมาจากการซื้อขายรถยนต์เมอร์ซีเดสเบ้นซ์เป็นการนำสืบนอกประเด็นหรือไม่นั้นเห็นว่า การนำสืบถึงหนี้ตามฟ้องโจทก์ย่อมต้องสืบถึงที่มาแห่งหนี้โดยละเอียดว่าหนี้นั้นมีมูลมาอย่างไร การนำสืบของโจทก์ว่าการยืมมีมูลหนี้เดิมมาจากการซื้อขายรถยนต์เมอร์ซีเดสเบ้นซ์ จึงเป็นการนำสืบตามประเด็นแห่งคดี หาเป็นการนำสืบนอกประเด็นดังจำเลยทั้งสองฎีกาไม่ ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยทั้งสองจะรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนองหรือไม่นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วว่าการยืมเงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีอยู่จริงและสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว เพียงแต่ขาดหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมายห้ามมิให้ฟ้องร้องบังคับคดีเอากับจำเลยที่ 1 เท่านั้น แต่หนี้ดังกล่าวย่อมมีการจำนองเป็นประกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 707 และ 681 โจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ตามสัญญายืมย่อมบังคับเอากับผู้จำนองได้"
พิพากษายืน