โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างโจทก์ โดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์มีหน้าที่ขายมะพร้าว จำเลยที่ ๑ ได้กระทำละเมิด โดยมิได้ใช้ความสามารถและความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนซึ่งอยู่ในฐานะจำเลยจะพึงใช้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน ๔๑,๙๐๕ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว พร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินจำนวน ๒๑,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน ฯลฯ
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดเต็มจำนวน และจำเลยทั้งสองก็อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องโจทก์ตามข้อ ๓, ๔, ๕ ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยรับผิดเสียด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายประสงค์ นางสมมาสไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้ ๑๐,๐๖๓ บาท ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายเต็กเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ไป ๓,๓๐๐ บาท ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายโปยง้วนเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ไป ๗,๕๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าวนี้ ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๑๒ โจทก์เคยฟ้องนายประสงค์ นาสมมาสเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าวรายนี้ แล้วถอนฟ้องเสียเอง ก็ได้ความว่าเหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยที่ ๑ นั้นเองมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้และยังปล่อยให้หนี้รายนี้ขาดอายุคาม ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่จึงมีความเห็นว่า จำเลยยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ ๑ ได้ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางจะได้รับชำระหนี้จากนายประสงค์ นางสมมาสอีกต่อไป
่ส่วนการขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายพงษ์ชัยเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ไป ๗,๒๐๐ บาทนั้น แม้จำเลยจะทำผิดหน้าที่เช่นเดียวกับรายนายประสงค์ นางสมมาส นายเต็กและนายโปยง้วน คดีก็ได้ความว่า โจทก์ได้ฟ้องนายพงษ์เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวเชื่อจนชนะคดีไปแล้ว แต่ยังบังคับคดีไม่ได้เพราะนายพงษ์ชัยชัยลูกหนี้อพยพหลบหนีไป ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าโจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายในกรณีนี้จากจำเลยไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์นั้นได้หมดไปโดยการที่โจทก์ยังอาจบังคับคดีเอากับนายพงษ์ชัยลูกหนี้ได้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
สำหรับการขายมะพร้าวให้แก่นายนิพนธ์ ซึ่งนางนิพนธ์ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เป็นเงิน ๗,๖๖๒.๖๐ บาท และมีมะพร้าวเสียขาดบัญชีไปอีกเป็นเงิน ๓,๑๘๐.๔๐ บาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าความเสียหายของโจทก์ทั้งสองกรณีนี้หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ ๑ ไม่ จำเลยที่ ๑ จึงมิจำต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์
พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเสียหายตามข้อ ๑ เงิน ๓,๐๐๐ บาท ข้อ ๒ รายนายประสงค์ นางสมมาสเงิน ๑๐,๐๖๓ บาท ข้อ ๔ รายนายเด็กเต็กเงิน ๓,๓๐๐ บาท และข้อ ๕ รายนายโป้ยง้วนเงิน ๗,๕๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๓,๘๖๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๐๕ เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกันรับผิดชำระแทน