โจทฟ้องขอไห้ลงโทสตามมาตรา ๓๔๐ (๑) ได้ความว่า ผู้เสียหายได้ถางที่ป่าทำเปนไร่และเอาหนามล้อมเปนรั้วปลูกพริกไว้ กะบือของจำเลยเข้าไปกินพริกเสียหาย จำเลยรับว่ากะบือเข้าไปกินพริกของผู้เสียหายจิง แต่กะบือจะเข้าไปกินเมื่อไดไม่ซาบ เพราะขนะที่จำเลยเลี้ยงบางทีก็มีต้นไม้บังลับตาไป
สาลชั้นต้นพิพากสายกฟ้อง โดยวินิฉัยว่าที่ซึ่งกะบือเข้าไปกินไม่ไช่ที่ไร่ และจำเลยก็ไม่ได้ปล่อยกะบือ
สาลอุธรน์เห็นว่า ที่ซึ่งผู้เสียหายปลูกหรือถือได้ว่าเปนไร่ แม้จะฟังว่าจำเลยไปเลี้ยงกะบือก็ดี จำเลยก็ละเว้นมิได้ดูแลควบคุมมันอยู่ ยอมไห้กะบือเที่ยวไปตามลำพังจำเลยจึงมีความผิด
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า การที่นายขันถางที่ป่าแล้วล้อมรั้วปลูกพริกไว้เช่นนี้ ตามกดหมายถือว่าที่นั้นเปนที่ไร่ที่นายขันครอบครอง นับว่านายขันเปนผู้เสียหายโดยตรง
การที่กะบือเข้าไปกินต้นพริกไนไร่นั้น แม้จำเลยจะว่าได้ไปเลี้ยงเองก็ดี แต่ปรากตว่าบางทีกะบือลับตาไปจนเข้าไปกินพืชน์พันธ์ไนไร่ของผู้เสียหายก็ยังไม่รู้ สแดงว่าจำเลยปล่อยไห้กะบือไปตามลำพัง จำเลยต้องมีความผิดจึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์