โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 4, 8, 14 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91, 371 ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนพก ซองกระสุนปืนและโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ดของกลาง บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 554/2559 ของศาลจังหวัดนาทวี และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3560/2559 ของศาลจังหวัดตรัง เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีนี้
จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 ที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน กับฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันแต่เพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งห้า และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนชนิดผลึกสีขาวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน คงจำคุกจำเลยทั้งห้าตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงสำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 แล้ว คงให้ลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 4 จำคุกตลอดชีวิต สถานเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 554/2559 ของศาลจังหวัดนาทวี และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3560/2559 ของศาลจังหวัดตรัง มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้อีก ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ริบเมทแอมเฟตามีน อาวุธปืนพก ซองกระสุนปืน และโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด ของกลาง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์
จำเลยที่ 3 และที่ 5 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 16
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ยกคำขอริบอาวุธปืนพกและซองกระสุนปืนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามทางนำสืบของโจทก์ว่า หลังจากจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลาง 100,000 เม็ด จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่าจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งให้ผู้รับที่บริเวณถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเหตุให้มีการขยายผลจนสามารถไปติดตามจับกุมจำเลยที่ 3 และที่ 4 พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีนของกลาง ชนิดผลึก น้ำหนักสุทธิ 1,984.106 กรัม มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 1,874.826 กรัม นับว่าการให้ข้อมูลของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเหตุให้มีการขยายผลจนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษรายอื่นพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นจำนวนค่อนข้างมาก หากแพร่ระบาดออกไปย่อมเป็นอันตรายต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 100/2 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 วางโทษในความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จำคุกคนละ 50 ปี และปรับคนละ 900,000 บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำคุกคนละ 25 ปี และปรับคนละ 450,000 บาท บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 554/2559 ของศาลจังหวัดนาทวี เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ รวมลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 25 ปี 6 เดือน และปรับ 450,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์