ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทลงโทษในชั้นอุทธรณ์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 67 สำหรับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีถือเป็นการแก้ไขเฉพาะบทลงโทษแต่มิได้แก้ไขโทษ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท แม้จำเลยที่ 2 จะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำความผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เป็นที่พอใจว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงไม่ยุติ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ในปัญหาทำนองว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้