โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานจังหวัดสุโขทัย โดยมีสำนักจัดหางานอยู่ในจังหวัดสุโขทัย ได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมอบอำนาจให้ ถ. เป็นตัวแทนจัดหางานโดยจำเลยทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนตัวแทนจำเลยทั้งสองร่วมกับ ถ. ใช้อาคารซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นสำนักงานจัดหางานตามใบมอบอำนาจของจำเลยทั้งสองจัดหางานให้คนหางานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปฏิบัติฝ่าฝืนเงื่อนไขการขุดใบอนุญาตจัดหางานซึ่งอนุญาตให้จัดหางานได้เฉพาะในเขตจังหวัดสุโขทัย โดยจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกที่หลบหนีรับสมัครคนงานและจัดส่งคนหางานให้แก่นายจ้างในต่างประเทศโดยใช้อาคารที่กรุงเทพมหานครดังกล่าว เป็นสำนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๔, ๗, ๙, ๑๓, ๑๘,๒๗, ๒๘, ๒๙
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๓, ๒๘
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๑๓, ๒๘ หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน โดยศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนจัดหางานจังหวัดสุโขทัย โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้มอบอำนาจให้ ถ.เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจลงนามในสัญญารับจ้างเกี่ยวกับการจัดหางานในต่างประเทศโดยเฉพาะของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๑ มิได้จดทะเบียนตัวแทนโดยใช้อาคารที่กรุงเทพมหานครดำเนินการรับสมัครคนหางานไปทำงานในต่างประเทศเมื่อฟังข้อเท็จจริงดังนี้แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่า "จัดหางาน" ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัตินี้บัญญัติความหมายไว้ว่า "การประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนหางานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้าง" ซึ่งหมายความรวมถึงการประกอบธุรกิจหางานทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แก่คนหางาน เพราะกฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ ข้อ ๓ กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับอนุญาตจัดหางานติดต่อรับสมัครคนหางาน และจัดส่งคนหางานให้แก่นายจ้างภายในเขตท้องที่จังหวัดที่สำนักงานจัดหางานตั้งอยู่เท่านั้นแต่มีข้อยกเว้นว่า การจัดส่งคนหางานให้แก่นายจ้างในต่างประเทศต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางอีกชั้นหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๑๑ มีขอบข่ายบังคับรวมทั้งการจัดหางานในประเทศและต่างประเทศ จึงถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว