โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 560,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 535,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดส่วนต่างของราคาดังกล่าวแก่โจทก์ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ละเลยไม่ใช้ราคาส่วนที่เหลือ ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีเอาที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำ ได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิม จำเลยจึงต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516 ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยไม่จำต้องรับผิดส่วนต่างของราคาดังกล่าว เนื่องจากโจทก์และนายชัยเอกสมคบกันให้โจทก์ประมูลซื้อที่ดินพิพาทนั้น ในข้อนี้คงมีจำเลยอ้างตนเองเบิกความลอย ๆ แม้จำเลยนำนายชัยเอกมาเบิกความเป็นพยาน แต่นายชัยเอกกลับมิได้เบิกความถึงข้อที่จำเลยอ้างดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์และนายชัยเอกสมคบกันให้โจทก์ประมูลซื้อที่ดินพิพาทในราคาต่ำ ส่วนที่จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทให้โจทก์โดยไม่ชอบ จำเลยและนางสินได้ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแล้วนั้น เห็นว่า ผลคดีข้อนี้ยังไม่ถึงที่สุด แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 นำผลคดีที่จำเลยและนางสินร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ยังไม่ถึงที่สุดมาวินิจฉัยให้จำเลยไม่ต้องรับผิดและพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยประมูลซื้อทรัพย์พิพาทได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ละเลยไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ จนเจ้าพนักงานบังคับคดีนำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำและโจทก์ประมูลซื้อได้ในราคา 690,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับราคาเดิมโดยได้ความตามที่นางสาวศรัณย์ภัทร นิติกรสำนักงานบังคับคดีจังหวัดสมุทรปราการ เบิกความเป็นพยานจำเลยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหมายแจ้งให้จำเลยทราบแล้วว่าหากมีการนำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำได้ราคาไม่คุ้มกับราคาเดิม จำเลยจะต้องรับผิดราคาส่วนที่ขาด และยืนยันว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่พิพาทให้โจทก์ถูกต้องตามระเบียบของกรมบังคับคดี จำเลยจึงต้องรับผิดชำระส่วนต่างอันเนื่องมาจากการที่จำเลยประมูลซื้อที่ดินพิพาทได้แล้วละเลยไม่ยอมชำระราคาส่วนที่เหลือ จนเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องนำที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำตาม มาตรา 516 ดังกล่าวแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.