ได้ความว่า จำเลยได้ตัวโจทก์เป็นหัวหน้าคนยาม และจัดหายามผู้ช่วย ให้โจทก์รับผิดชอบเพื่อคิดเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลยโจทก์เรียกเงินที่วางประกัน แก่จำเลย 6,000 บาท กับเงินบำเหน็จตามสัญญาซึ่งจำเลยยึดไว้อีก 5,508 บาท
ในสัญญาข้อ ค(2) ที่คู่ความรับกันมีว่า "ฝากเงินบำเหน็จ 5,508 บาทที่บริษัทจ่ายในคราวฉลองครบรอบ 50 ปี ไว้กับบริษัทด้วยเงินจำนวนนี้ เมื่อบวกกับเงินที่ฝากอยู่ก่อนแล้ว 6,000 บาท จะเป็นเงินทั้งสิ้น 11,508 บาท ซึ่งจะเป็นเงินประกันและฝากไว้ในบัญชีของหัวหน้าคนยาม ฯลฯ เป็นเงินประกันในการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยดีของหัวหน้าคนยามและผู้ช่วยคนยามอื่น ๆ"
ศาลแพ่งงดสืบพยาน พิพากษาว่า จำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์รับเหมาจัดหาคนยาม ให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ไม่เคยจ้างโจทก์เป็นเหมาและขอสืบพยานว่าเงิน 5,508 บาท มิใช่ของโจทก์แต่ผู้เดียว เป็นของคนยามอื่น ๆ ด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในเอกสารปรากฏชัดว่า จำเลยได้ทำความตกลงโดยเฉพาะกับตัวโจทก์ ในอันที่จะจ้างเหมาการเฝ้ายาม ให้โจทก์เป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว จำเลยจะขอสืบพยานบุคคลให้ผิดแผกแตกต่างกับตัวอักษร ข้อความที่ปรากฏในเอกสารสัญญานั้นหาได้ไม่