โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๒
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖ ให้จำคุกคนละ ๕ ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๓ ปี ๔ เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ถึงจำเลยที่ ๒ ที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดีเป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕, ๖๗ จำคุกคนละ ๑ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๘เดือน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ ๑ นำเฮโรอีนของกลางมาส่งให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ ก็ส่งเฮโรอีนนั้นต่อให้แก่นายวชิรา หิรัญพงษ์ ทันที คงมีปัญหาว่า จำเลยทั้งสองจำหน่ายเฮโรอีนให้นายวชิราหรือไม่และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีสิบตำรวจโทประกอบ หมื่นพันธ์ เบิกความว่า เห็นจำเลยที่ ๑ คายเฮโรอีนซึ่งบรรจุในหลอดกาแฟให้จำเลยที่ ๒ รับแล้วก็นำไปให้นายวชิราและร้อยตำรวจตรีอภิชิต เทียนเพิ่มพูล เบิกความว่าเห็นจำเลยที่ ๑ พยักพเยิดให้จำเลยที่ ๒ เข้าไปหาพอจำเลยที่ ๒ เข้าไปยืนติดจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ก็คายเฮโรอีนซึ่งบรรจุในหลอดกาแฟใส่มือจำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ ได้ส่งเฮโรอีนดังกล่าวใส่มือนายวชิรา คำให้การของพยานโจทก์ทั้งสองปากสอดคล้องต้องกันฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑เป็นผู้นำเฮโรอีนมาให้นายวชิราโดยส่งผ่านจำเลยที่ ๒ ซึ่งนายวชิราก็ยอมรับต่อร้อยตำรวจตรีอภิชิตว่าจำเลยที่ ๑ซื้อมาให้ และจำเลยที่ ๑ ก็ให้การในชั้นสอบสวนรับสารภาพว่าเป็นผู้เอาเฮโรอีนดังกล่าวมาให้นายวชิราจริงเนื่องจากนายวชิราเคยช่วยออกเงินค่าปรับให้จำเลยที่ ๑ ที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับในข้อหาเมาสุราอาละวาด พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ ซึ่งบัญญัติให้ "จำหน่าย" หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนให้ ฎีกาของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ ๑ นี้ฟังขึ้น แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยนั้น เห็นว่าจำเลยที่ ๒เพียงแต่รับเฮโรอีนจากจำเลยที่ ๑ แล้วส่งผ่านให้นายวชิราทันทียังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ ๒ เป็นการจำหน่ายเฮโรอีนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคแรกและมาตรา ๖๖ วรรคแรก ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๕ ปี จำเลยที่ ๑ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.