โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งเทศมนตรีตำบลไชยวาน อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี และเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลตำบลไชยวานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ม. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2545 เทศบาลตำบลไชยวานออกประกาศเทศบาลตำบลไชยวานที่ 1/2545 เรื่อง ประกวดราคาจ้างก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) เพื่อดำเนินการประกวดราคาจ้างเหมาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) รวม 11 โครงการ งบประมาณ 15,000,000 บาท และมีคำสั่งเทศบาลตำบลไชยวานที่ 31/2545 แต่งตั้งนางสิริลักษณ์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัสดุ และนางศรีประนอม ตำแหน่งคนงานทั่วไป เป็นเจ้าหน้าที่ผู้จัดส่งประกาศประกวดราคา กับแต่งตั้งนางศรีประนอมและนางกนิษฐา ตำแหน่งคนงานทั่วไป เป็นเจ้าหน้าที่ผู้นำส่งประกาศประกวดราคา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2545 นางศรีประนอมได้รับมอบซองประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) จำนวน 9 ซอง จากนางสิริลักษณ์ แล้วนำไปส่ง ณ ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) ซึ่งเป็นที่ทำการไปรษณีย์เอกชน อยู่ห่างจากเทศบาลตำบลไชยวานประมาณ 22 กิโลเมตร โดยร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 2 ไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) ได้รับฝากและลงรับเอกสารไว้เวลา 15 นาฬิกา ซองประกาศประกวดราคาดังกล่าวซองหนึ่งระบุชื่อผู้อำนวยการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 6 เป็นผู้รับ อีกซองหนึ่งระบุชื่อประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีเป็นผู้รับ ส่วนที่เหลืออีก 7 ซอง ระบุชื่อผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดต่าง ๆ รวมทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ม. เป็นผู้รับ แต่นางศรีประนอมจัดทำบันทึกข้อความรายงานผลการนำส่งประกาศประกวดราคาต่อนายกเทศมนตรีตำบลไชยวานว่าได้นำส่งประกาศประกวดราคาที่ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขไชยวาน โดยวิธีการลงทะเบียน EMS ส่วนนางสิริลักษณ์จัดทำบันทึกข้อความรายงานต่อนายกเทศมนตรีตำบลไชยวานว่า ได้จัดส่งประกาศประกวดราคาทางไปรษณีย์ลงทะเบียน EMS จำนวน 17 ฉบับ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2545 โดยมอบให้นางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมเป็นผู้รับผิดชอบจัดส่ง โดยอยู่ในความดูแลของนางสิริลักษณ์ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2545 จำเลยที่ 2 ไปขอรับประกาศประกวดราคาซองที่จัดส่งไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 6 และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีคืนจากที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม 2545 หลังจากมีการยื่นซองประกวดราคาแล้ว คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาเห็นสมควรให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ม. ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้รับจ้างในโครงการก่อสร้างดังกล่าวเนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาต่ำที่สุด แต่เมื่อประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2545 นางศรีสุดา ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน 5 ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบแผนพัฒนาจังหวัดอุดรธานีโดยตรวจสอบหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณกรณีประกวดราคาในโครงการขนาดใหญ่และมีวงเงินจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 6 และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีไม่ได้รับประกาศประกวดราคาจ้างเหมาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) นางศรีสุดาจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมทำแผนขออนุมัติตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการดังกล่าวว่าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 หรือไม่ ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบนั้น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้สอบถามและให้ความเห็นไปยังเทศบาลตำบลไชยวานว่าการที่หน่วยงานที่มีหน้าที่เผยแพร่ข่าวประกวดราคาไม่ได้รับประกาศประกวดราคาทำให้ข่าวการประกวดราคาไม่แพร่หลาย และเห็นควรให้เทศบาลตำบลไชยวานพิจารณาทบทวนให้มีการประกาศประกวดราคาใหม่ วันที่ 26 มีนาคม 2545 นายกเทศมนตรีตำบลไชยวานจึงออกประกาศเทศบาลตำบลไชยวานยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าว ต่อมาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้น ผลการตรวจสอบน่าเชื่อว่านางสิริลักษณ์ นางศรีประนอม และนางกนิษฐา มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยมีเจตนาปกปิดข่าวการประกาศประกวดราคา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจึงแจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนและประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และการกระทำของจำเลยที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิด โดยให้กันนางสิริลักษณ์ไว้เป็นพยาน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 หรือไม่ ทางไต่สวนคดีนี้มีประจักษ์พยานที่อ้างว่ารู้เห็นการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 อยู่ 2 ปาก คือนางสิริลักษณ์และนางศรีประนอม โดยนางสิริลักษณ์ให้การเป็นพยานต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 ว่า พยานไม่ได้จัดส่งประกาศประกวดราคาไปยังหน่วยงานอื่นอีก 4 แห่ง เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งด้วยวาจาให้ส่งไปเพียงแค่นั้น พยานเป็นผู้บรรจุและผนึกซองประกาศประกวดราคาแล้วมอบให้นางศรีประนอมเป็นผู้นำไปส่งยังที่ทำการไปรษณีย์ พยานมาทราบภายหลังว่าจำเลยที่ 1 สั่งให้นางศรีประนอมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) ส่วนนางศรีประนอมให้การเป็นพยานต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ในวันเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 สั่งพยานด้วยวาจาให้นำประกาศประกวดราคาไปส่ง ณ ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เนื่องจากพยานไม่ทราบว่าที่ทำการไปรษณีย์ดังกล่าวอยู่ที่ใด หลังจากนำเอกสารไปส่งแล้วพยานได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งให้นางสิริลักษณ์ทราบ เห็นว่า แม้นางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมจะให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. สอดคล้องกันว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการให้นางศรีประนอมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) แต่ตามรายงานการตรวจสอบ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบการดำเนินการประกวดราคาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) พบเพียงนางสิริลักษณ์ นางศรีประนอม และนางกนิษฐาเท่านั้นที่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าร่วมกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาปกปิดข่าวการประกวดราคา โดยไม่ได้กล่าวถึงจำเลยที่ 1 ว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นหรือเป็นผู้สั่งการให้นางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมกระทำการอันเป็นความผิดดังกล่าว แสดงว่าในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งกระทำภายหลังเกิดเหตุไม่นาน ทั้งนางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงจำเลยที่ 1 ว่าเป็นผู้สั่งให้ตนกระทำการดังที่ได้ให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. แต่อย่างใด นางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 เป็นเวลาหลังเกิดเหตุนานประมาณ 9 เดือน ไม่ได้ให้การใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุตามที่โจทก์ฎีกา นับว่ามีระยะเวลาเพียงพอที่จะคิดไตร่ตรองเสริมแต่งเรื่องราวเพื่อให้ตนเองพ้นผิดได้ ส่วนที่นางสิริลักษณ์ให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 และเบิกความในชั้นไต่สวนของศาลในเวลาต่อมาว่า ในการนำส่งประกาศประกวดราคาที่ไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) มีจำเลยที่ 1 ร่วมเดินทางไปกับนางศรีประนอมและจำเลยที่ 2 ด้วย นั้น นอกจากเป็นข้อเท็จจริงที่นางสิริลักษณ์ไม่เคยให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ในครั้งแรกแล้ว ยังเป็นการให้การและเบิกความภายหลังจากที่นางสิริลักษณ์ถูกไล่ออกจากราชการและถูกดำเนินคดีอาญาอันเป็นผลมาจากการร้องเรียนของจำเลยที่ 1 ต่อหน่วยงานต่าง ๆ กรณีทุจริตเงินรายได้และเอกสารการเบิกจ่ายไม่ครบถ้วนของเทศบาลตำบลไชยวาน งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2543 ถึง 2546 ซึ่งนางสิริลักษณ์เบิกความยอมรับว่าถูกดำเนินคดีอาญาจริงและศาลพิพากษาจำคุก 50 ปี จากสาเหตุโกรธเคืองกันดังกล่าวอาจจูงใจให้นางสิริลักษณ์ให้การและเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 1 ได้ คำให้การของนางสิริลักษณ์ต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการไต่สวน รวมทั้งคำเบิกความในชั้นไต่สวนของศาลจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง สำหรับนางศรีประนอมนั้น หลังจากให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 แล้ว ต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ได้ให้การต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า นางสิริลักษณ์และจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งให้พยานนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) โดยให้จำเลยที่ 2 ซึ่งนั่งรออยู่ในรถกระบะเป็นผู้พาไป แตกต่างจากที่ให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ในครั้งแรกที่กล่าวพาดพิงถึงจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียว นอกจากนี้นางศรีประนอมยังเบิกความในชั้นไต่สวนของศาลว่า ข้อความที่เคยให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการไต่สวนนั้น ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือ นางสิริลักษณ์เป็นคนสั่งให้พยานนำซองเอกสารไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) โดยจะมีคนพาไปส่ง จากนั้นจำเลยที่ 2 พาพยานไปส่งเอกสารดังกล่าว จำเลยที่ 1 ยืนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่ได้เป็นผู้สั่งให้พยานไปส่งเอกสาร จำเลยที่ 1 เพียงพูดคุยกับนางสิริลักษณ์ไม่ทราบว่าพูดคุยกันในเรื่องใด ขัดแย้งกับที่นางสิริลักษณ์เบิกความในชั้นไต่สวนของศาลว่าเห็นจำเลยที่ 1 ขึ้นรถยนต์ไปกับนางศรีประนอมด้วย ทั้งยังเป็นการให้การและเบิกความผิดแผกแตกต่างกันไปในแต่ละครั้งหาความแน่นอนไม่ได้ ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ ลำพังคำเบิกความลอย ๆ ของนางสิริลักษณ์และนางศรีประนอมซึ่งเป็นพยานซัดทอด โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 สั่งการให้นางสิริลักษณ์จัดทำประกาศประกวดราคาจ้างเหมาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) เพื่อส่งไปเผยแพร่ข่าวเพียง 2 หน่วยงาน กับผู้มีอาชีพรับจ้าง และเป็นผู้สั่งการให้นางศรีประนอมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) โดยให้ร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 2 ด้วยเจตนาที่จะให้จำเลยที่ 2 ไปขอรับประกาศประกวดราคาบางซองคืนจากที่ทำการไปรษณีย์ดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น อันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อไปว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับนางศรีประนอมนำประกาศประกวดราคาจ้างเหมาโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ (สวนสาธารณะหนองไชยวาน) ไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตไชยวาน 101 (โพนสูง) และวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 ไปขอรับเอกสารประกาศประกวดราคาซองที่จัดส่งไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 6 และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีคืนจากที่ทำการไปรษณีย์ดังกล่าว เพื่อปกปิดข่าวการประกวดราคา อันเป็นการกระทำการใด ๆ ที่มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ม. ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับเทศบาลตำบลไชยวาน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 แต่เมื่อกฎหมายดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด แม้คดีนี้ศาลจะพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าเป็นตัวการในการกระทำความผิด แต่การจัดส่งประกาศประกวดราคาดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่ข่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานโดยเฉพาะ หากไม่มีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานสั่งการหรือร่วมรู้เห็นยินยอม จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นราษฎรย่อมไม่อาจร่วมนำประกาศประกวดราคาไปส่งที่ที่ทำการไปรษณีย์และไปรับกลับคืนมาได้ การที่จำเลยที่ 2 สามารถกระทำการดังกล่าวได้ แสดงว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลไชยวานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐร่วมกระทำความผิดด้วย มิใช่เป็นกรณีที่ไม่มีตัวการในการกระทำความผิด เมื่อจำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าวได้ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิด จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิด และพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มาด้วย นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยที่ 2 กระทำความผิดโดยมุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน ไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามคลองธรรม ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและรัฐ กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 โดยไม่รอการลงโทษจึงชอบแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นวางโทษก่อนลดโทษให้จำคุก 6 ปี เป็นการกำหนดโทษที่หนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์