โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๒ ร่วมกันข่มขืนชำเราเด็กหญิงน้อยอายุ ๑๓ ปี โดยผลัดกันจับแขนผู้เสียหายแล้วผลัดกันข่มขืนชำเราต่อหน้าเด็กขายคำจนสำเร็จความใคร่คนละครั้งอันเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๗, ๒๘๑, ๘๓
จำเลยให้การว่า ได้ชำเราจริง แต่โดยเด็กหญิง น้อยสมัครใจและมีอายุ ๑๕ ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทำผิดจริงตามฟ้อง โดยเด็กหญิงน้อย มีอายุ ๑๓ ปี ให้จำคุกละ ๒ ปี ๘ เดือน (ลด ๑ ใน ๓) ตามมาตรา ๒๗๖, ๒๘๑, ๘๓, ๗๘
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้ง ๒ ข่มขืนชำเราเด็กหญิง น้อยจริง แต่เด็กหญิงน้อยมีอายุ ๑๓ ปี ๓ เดือน แล้ว และมิได้กระทำต่อหน้าเด็กชายคำ ทั้งไม่เป็นการโทรมหญิง กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ตามมาตรา ๒๘๑ ปรากฏว่าบิดาเด็กหญิงน้อยได้ยอมรับขมาและรับเงินค่าทำขวัญจากจำเลยคนละ ๕๐ บาท แล้ว คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การที่จำเลยทั้ง ๒ ผลัดกันจับ แขนเด็กหญิงน้อยซึ่งมีอายุเพียง ๑๓ ปี ๓ เดือน แล้วผลัดกันข่มขืนชำเราที่พื้นดินข้างทางเดินในเวลากลางวันจนสำเร็จความใคร่คนละครั้งนั้น เป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๑ จะยอมความกันไม่ได้
พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๘๓, ๗๘ ส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น