ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมวางเงินสดแทนการยึดทรัพย์ และอำนาจศาลในการบรรเทาความเสียหายแก่คู่ความ
เมื่อศาลเห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องประกอบกับเอกสารท้ายคำร้องฟังได้ว่าผู้ร้องได้ซื้อที่ดินจาก ป. แล้วได้จำนองที่ดินทั้งแปลงไว้กับ บ. และผู้ร้องได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็นแปลงย่อย ๆ ในนามเดิมและติดจำนองหลายสิบแปลง อันเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องแบ่งแยกที่ดินเพื่อสร้างตึกแถว ตลาดสด และศูนย์รวมการค้าตามคำร้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานในข้อนี้
ผู้ร้องแถลงยอมให้ยึดเงินสด 100,000 บาทของผู้ร้องเท่าที่จำเลยตีราคาไว้ในการยึดที่ดินแทนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าว โดยแถลงไว้ชัดว่าหากจำเลยพิสูจน์ได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ซึ่งจะต้องชำระหนี้เงิน 99,458 บาท แก่จำเลยกับพวกแล้วก็ให้ศาลบังคับคดีนำเงิน 100,000 บาท ชำระให้จำเลยกับพวกได้ แม้ผู้ร้องจะมิได้มีนิติสัมพันธ์ต้องชำระเงินให้จำเลยก็ตาม แต่ก็ผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามคำแถลงของผู้ร้อง จำเลยจึงมิได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ร้องขอวางเงินแทนการยึดที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากการร้องขอปล่อยทรัพย์ก็ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ต่อไป หากจำเลยชนะคดี จำเลยก็รับเงินที่ผู้ร้องวางศาลไว้ไปได้ การที่ศาลล่างสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ก็โดยอาศัยเหตุเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อบรรเทาความเสียหายให้ผู้ร้อง จึงเป็นการสั่งไปโดยอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ และไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนายเดียวมีคำสั่งให้รับเงินที่ผู้ร้องวางต่อศาลแทนการยึดที่ดิน และสั่งให้แจ้งการถอนการยึดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ เป็นการออกคำสั่ง ซึ่งมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด และการสั่งให้โจทก์หรือผู้ร้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งไว้ในคำสั่งที่ให้เพิกถอนการยึดด้วย จะสั่งภายหลังก็ได้