โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 67400 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 14 เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2524 จำเลยได้ตกลงซื้อที่ดินและบ้านดังกล่าวกับนายสิน ฟูตระกูล ผู้ที่โจทก์มอบอำนาจให้จัดการขายในราคา 700,000 บาท ตกลงชำระเงินสดในวันทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียน 200,000 บาท ที่เหลือจะออกเช็ค 10 ฉบับ ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 50,000 บาท นัดทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 เมษายน 2524 ถึงวันนัดจำเลยขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านให้ก่อน จะชำระเงินสดและเช็คให้ภายหลังไม่เกิน 7 วัน นายสิน ฟูตระกูล และโจทก์หลงเชื่อได้ทำนิติกรรมโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 67400 พร้อมบ้านเลขที่ 14 ให้แก่จำเลยไป จำเลยไม่นำเงิน 200,000 บาท และเช็ค 10 ฉบับ เงิน 500,000 บาท มาให้แก่นายสิน ฟูตระกูล หรือโจทก์ การจดทะเบียนซื้อขายไม่สมบูรณ์เพราะจำเลยไม่ได้ชำระราคาที่ดินตามสัญญา ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 700,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระเงินให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนฉบับลงวันที่ 1 เมษายน 2524 ระหว่างโจทก์ผู้ขายจำเลยผู้ซื้อ ให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 67400 พร้อมบ้านเลขที่ 14 คืนให้แก่โจทก์ มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินและบ้านตามฟ้องจริง ได้จดทะเบียนการขายที่สำนักงานทะเบียนที่ดินถูกต้อง และชำระเงินค่าที่ดินเสร็จแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
วินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยชำระราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่ เห็นว่าหนังสือสัญญาขายที่ดินโฉนดเลขที่ 67400 ตามเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.1 ระบุว่า ผู้ขายยอมขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อพร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกสองชั้นเลขที่ 14 เป็นราคาเงิน 700,000 บาท ผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้ว แสดงว่าโจทก์ยอมรับว่าจำเลยได้ชำระเงินค่าที่ดินทั้งหมดให้โจทก์แล้วในวันทำสัญญา การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 การที่โจทก์นำพยานบุคคลมาสืบว่าในวันทำหนังสือสัญญาขายที่ดินดังกล่าว โจทก์ยังไม่ได้รับชำระเงินค่าที่ดินเพราะจำเลยไม่มีเงิน จำเลยได้ตกลงกับนายสินเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอันแท้จริงว่าจะนำมาชำระให้นายสินที่สำนักงานบริษัทของนายสินภายใน 7 วันนั้น เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญาขายที่พิพาท เป็นการต้องห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ดังนั้น จึงต้องฟังตามหนังสือสัญญาขายที่ดินว่า โจทก์ได้รับชำระราคาที่ดินที่ขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากจำเลยเป็นเงิน 700,000 บาท ตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาหมาย จ.3 แล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยยังไม่ชำระราคาที่พิพาทสัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์โจทก์ย่อมนำสืบถึงความไม่สมบูรณ์ของสัญญาได้นั้น เห็นว่าเมื่อโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่พิพาทและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วการซื้อขายย่อมเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อในทันทีเมื่อได้ทำสัญญากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 การชำระราคาทรัพย์สินที่ขายเป็นเพียงข้อกำหนดของสัญญาเท่านั้น หาใช่สาระสำคัญที่จะทำให้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟังพยานบุคคลที่โจทก์นำสืบ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เป็นการชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ