โจทก์ฟ้องว่า เดิมนางพริ้งมารดาจำเลยซึ่งตายไปแล้วตกลงขายที่ให้โจทก์ ๘๒๘ บาทโดยมีเงื่อนไข โจทก์ต้องชำระเงินให้เสร็จในเมื่อนางพริ้งเรียกร้อง ระหว่างชำระราคาไม่เสร็จโจทก์ต้องเสียค่าเช่าให้นางพริ้ง โจทก์ขอชำระเงินที่ค้างอีก ๒๐๐ บาท แล้วให้จำเลยโอนที่ให้โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งโจทก์ได้ทำไว้กับนางพริ้งผู้ตาย
จำเลยให้การรับสารภาพว่า เป็นความจริงดังฟ้อง แต่คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สัญญาเช่าซื้อที่โจทก์อ้างนั้นขาดเงื่อนไขอันระบุไว้ใน ม.๕๒๒ แห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ เพราะมิได้กำหนดว่าจะใช้เงินกันกี่คราว เป็นแต่ระบุว่าจะชำระเมื่อนางพริ้งเรียกร้อง จึงไม่เข้าลักษณะสัญญาเช่าซื้อ เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดิน โจทก์ฟ้องเกิน ๑ ปีนับแต่นางพริ้งตายคดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาฉะเพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า สัญญาระหว่างโจทก์กับนางพริ้งเป็นสัญญาจะซื้อขายหรือเป็นสัญญาเช่าซื้อ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับนางพริ้งข้อ ๕ มีความว่า "ผู้เช่าซื้อยอมให้ผู้ให้เช่าเรียกร้องราคาที่นาเมื่อหนึ่งเมื่อใดได้ในเมื่อผู้ให้เช่าต้องการ"
ตามสัญญาข้อ ๕ นี้จะเห็นได้ว่า ไม่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะใช้เงินกันเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว จึงหาเป็นสัญญาเช่าซื้อไปหากเป็นสัญญาจะซื้อขายที่นากัน เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนด ๒ ปีนับแต่นางพริ้งตาย คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายืน