โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นพนักงานป่าไม้จัตวาจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานป่าไม้วิสามัญประจำอำเภอแม่สอด จำเลยที่ 1 รักษาการในตำแหน่งป่าไม้อำเภอแม่สอด และเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่อยู่จำเลยที่ 2 เป็นผู้รักษาการแทนจำเลยที่ 1 จำเลยทั้ง 3 มีหน้าที่ปกครองรักษาไม้สักในท้องที่อำเภอแม่สอด มีหน้าที่รับคำร้องขอทำไม้สักจากเอกชนซึ่งขออนุญาตตัดฟันชักลากไม้แล้วนำคำร้องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งจำเลยทั้ง 3 ไม่มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ตัดฟันชักลากไม้สัก บังอาจสมคบกันกระทำผิดกฎหมาย คือจำเลยได้รับคำขอตัดไม้แล้วหาได้นำเสนอเพื่อสั่งไม่ จำเลยทั้ง 3 บังอาจใช้ตราประจำตัวของจำเลยทั้ง 3 ตีประทับไม้สักของนายปัน 3,476 ท่อนคิดค่าภาคหลวง 173,800 บาท นายคำฝน 155 ท่อน คิดค่าภาคหลวง 7,500 บาท อนุญาตให้ผู้มีชื่อดังกล่าวตัดฟันชักลากไม้สักได้โดยมิได้รับอนุญาตจากป่าไม้เขตตาก และจำเลยได้บังอาจใช้ตราค่าภาคหลวงตีเก็บเงินค่าภาคหลวงจากไม้ของนายปันโดยมิได้รับอนุญาตจากป่าไม้เขตตากให้ใช้ตราค่าภาคหลวงได้ และจำเลยเก็บเงินค่าภาคหลวงจากนายปันเพียง 6,096.88 บาท เท่านั้น นอกจากนี้จำเลยมิได้เรียกเก็บเงินค่าภาคหลวงไม้สักจากบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้โดยจำเลยสมคบกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยหาประโยชน์อันมิควรได้ไว้เป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยอันกระทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของรัฐบาลขอให้ลงโทษตามมาตรา 129, 132, 63 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2477 มาตรา 3 พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3 ฯลฯ
จำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่กล่าวให้ทราบว่าจำเลยคนใดกระทำอย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 129 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 3 ปี จำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 129, 132 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) มาตรา 3 และ พ.ศ. 2484 มาตรา 3 ให้ลงโทษตามมาตรา 132 ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 7 ปี ให้ยกฟ้องเฉพาะข้อหาเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ฯลฯ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ว่าเป็นสำเนาหนังสือที่เจ้าหน้าที่เรียบเรียงและรับรองว่าเป็นสำเนาอันแท้จริงตรงตามกฎหมายอาญา มาตรา 6(19) ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน